xs
xsm
sm
md
lg

ภูมิใจไทยเนื้อหอม แต่ศึกหนักฟัดใหญ่ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล - นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
เมืองไทย 360 องศา

คงได้เห็นความเคลื่อนไหวก่อนถึงวันจริงกันแล้ว สำหรับพรรคภูมิใจไทย ที่หลายฝ่ายมองว่า กำลังมาแรง และเนื้อหอมอยู่ในเวลานี้ โดยเฉพาะในช่วงวันสองวันนี้ ได้เห็น ส.ส.จากหลายพรรคทยอยลาออกจากพรรคเดิมมาสังกัด และเตรียมพร้อมเปิดตัวในวันประชุมใหญ่วันที่ 16 ธันวาคมนี้ โดยมีการรีโนเวต หรือการปรับปรุงที่ทำการพรรคไว้รองรับกันแบบอลังการ

ตามรายงานข่าวอ้างว่า มี ส.ส.จะย้ายมาร่วมกับพรรคภูมิใจไทยหลายสิบคน บางข่าวบอกว่า มีราวกว่า 40 คน ก็มี โดยจะทยอยมาเป็นลอตๆ เนื่องจากบางคนยังไม่อยากลาออกในตอนนี้ ยังอยากเป็น ส.ส.อีกสักระยะ อีกทั้งยังมีเวลาพอไปจนถึงต้นปี หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ ไม่ว่าจะครบวาระ หรือยุบสภาก็ตาม ดังนั้น ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หากมีการตกลงกันลงตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุถึงการเปิดตัว ส.ส.ที่ย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย เพิ่มเติมในวันที่ 16 ธันวาคม นี้ ว่า ในวันดังกล่าวจะเป็นการประชุมพรรคภูมิใจไทย ซึ่งพรรคเปิดกว้าง ไม่ได้ปิดกั้นใดๆ แต่ต้องรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ขณะนี้ยังพูดอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เซ็นรับรองใบสมัครให้ใคร

และว่า ไม่ทราบที่มาของรายชื่อที่ถูกเปิดเผยออกมา เพราะมีทั้งจริง และไม่จริง เป็นการคาดเดากันไป ส่วนเรื่องของการรีโนเวตที่ทำการพรรค เนื่องจากมีสภาพเก่า และปรับปรุงให้มีความสะดวกต่อการเตรียมการเลือกตั้ง

สำหรับผลสำรวจความคิดเห็นความนิยมแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่มีคะแนนนิยมสูงกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น นายอนุทิน ย้ำว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน และต้องมีการเตรียมความพร้อม จะประมาทไม่ได้ เพราะของตายไม่มีในโลก ขึ้นอยู่กับความขยัน

พร้อมย้ำว่า ผลโพลเป็นเรื่องที่เพียงแค่รับฟังไว้ ถือเป็นกำลังใจที่ดี แต่ของแท้อยู่ที่การเลือกตั้ง ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ คะแนนนิยมน้อยกว่าตามผลโพล ก็ต้องให้กำลังใจกันอยู่แล้ว ทำงานกันมา 4 ปี ก็ให้กำลังใจกันทุกวัน สลับกันให้กำลังใจ เพราะนายกฯ ไม่ได้ทำ และผมไม่ได้ทำโพล ใครทำก็ไม่ทราบ

ส่วนกระแสข่าว ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ อาจจะย้ายมาอยู่สังกัดพรรคภูมิใจไทยนั้น นายอนุทิน ย้ำว่า ต้องรอดูไปก่อน เพราะหากพูดไปล่วงหน้า แต่ไม่มาสมัคร ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ซึ่งหากมีการเซ็นใบสมัครเรียบร้อยแล้ว ก็จะแถลงข่าวทันที เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคการเมืองเป็นของประชาชนทุกคน ใครไปใครมาก็ห้ามไม่ได้ เปรียบเสมือนบริษัทเอกชน ที่พนักงานมีการลาออกและสมัครเข้ามา ตามโอกาสในการทำงานของแต่ละคน โดยส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอะไรกับการย้ายเข้าออกสมาชิก เพราะเคยผ่านการทำงานบริษัทเอกชนมาก่อน หากเจอคนเก่ง ก็ชวนมาทำงาน เพื่อทำให้องค์กรส่วนรวมเจริญรุ่งเรือง ถือเป็นเรื่องปกติและเป็นเรื่องธรรมชาติจะไปบังคับใครไม่ได้

สำหรับ ส.ส.ที่ลาออกจากพรรคเดิม แล้วย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม เพื่อเตรียมเปิดตัวในวันประชุมพรรควันที่ 16 ธันวาคม มีอย่างน้อย 2 คน เช่น นายสมัคร ป้องวงศ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคชาติพัฒนา (กล้า) น.ส.แนน บุญย์ธิดา สมชัย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อุบลราชธานี และก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ก็ได้ลาออกและย้ายมาสังกัดแล้ว

แม้ว่าได้เห็นภาพการเคลื่อนไหวของบรรดา ส.ส.หลายคนที่เตรียมไหลเข้ามาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ทำให้มองว่าเป็นพรรคเนื้อหอม จนมีแนวโน้มก้าวกระโดดเป็นพรรคขนาดใหญ่หลังการเลือกตั้ง รวมไปถึงมีโอกาสร่วมรัฐบาลสูง ซึ่งเป็นยอดปรารถนาของ ส.ส. ที่ไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากเป็นฝ่ายค้าน

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะกำลังเนื้อหอมก็ตามและตัวหัวหน้าพรรค คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล กลายเป็นตัวเต็ง ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปเพิ่มขึ้นมา แต่ก็อย่างว่า เมื่อโดดเด่นมันก็ต้องมีรายการ “สกัดดาวรุ่ง” ดับคู่แข่ง เกิดขึ้นแน่นอน เหมือนกับเวลานี้ที่พรรคภูมิใจไทย กำลังเปิดศึกกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยยกประเด็นปัญหา “กัญชา” ขึ้นมาถล่มอย่างหนัก โดยมีพรรคเพื่อไทย ตามซ้ำ และล่าสุด ก็มีแนวโน้มพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาร่วมวงด้วย ซึ่งแน่นอนว่า นั่นคือ เรื่อง “การเมือง” จากปัญหาที่นั่ง ส.ส.ในพื้นที่

ต้องยอมรับความจริงว่า หากพิจารณาไล่ไปทีละภูมิภาค เริ่มจากพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักอย่างภาคอีสาน การเติบโตของพรรคภูมิใจไทยขึ้นมา ยิ่งโตมากเท่าไหร่มันก็จะส่งผลถึงการหดตัวของพรรคเพื่อไทย กระทบกับเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” การันตีสร้างความชอบธรรมจัดตั้งรัฐบาล รวมไปถึงเป้าหมายลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ จะ “พาพ่อกลับบ้าน” มันก็จะเป็นแค่ฝัน ดังนั้น ก็อย่าได้แปลกใจ ที่พรรคเพื่อไทยต้องถล่มอย่างหนัก

ขณะที่พื้นที่ภาคใต้ ที่ถือว่าเป็นเป้าหมายหลักของพรรคภูมิใจไทย มี ส.ส.ปักธงเอาไว้แล้ว โดยเฉพาะแม่ทัพครอบครัว “รัชกิจประการ” และเป็น “นายทุนใหญ่” และหมายมั่นปั้นมือว่า จะต้องได้ ส.ส.เพิ่มอีกหลายจังหวัด และแน่นอนว่า ต้องขับเคี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์เจ้าของพื้นที่เดิม ที่หวังจะทวงคืนเก้าอี้ที่เสียไปกลับมา เพราะนี่คือที่มั่นสุดท้ายของพวกเขา จึงต้องทำทุกทางเพื่อสกัดกั้น

ขณะเดียวกัน ล่าสุด ยังมีแนวโน้มที่พรรคภูมิใจไทย ต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่เป็นคนกันเองเพิ่มขึ้นอีก นั่นคือ พรรคพลังประชารัฐ ในสนามภาคใต้ หลังจากที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ย้ายสังกัดอีกครั้ง เข้ามาซบ และได้คุมภาคใต้บางส่วน ซึ่งแน่นอนว่า เป้าหมายเดิมยังไม่เปลี่ยน นั่นคือ ชนกับ นางนาที รัชกิจประการ แม่ทัพหญิงภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะในพื้นที่พัทลุง ที่ทั้งคู่ขับเคี่ยวกันมาตลอด

ดังนั้น เมื่อพิจารณาตามรูปการณ์แล้ว สำหรับพรรคภูมิใจไทย แม้ว่านาทีนี้จะกลายเป็นพรรคเนื้อหอม จะกลายเป็นพรรคขนาดใหญ่ หลังการเลือกตั้ง แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องเจอกับศึกหนักรอบทิศทาง จากทั้งคู่แข่งเดิม และคู่ต่อสู้หน้าใหม่ ที่ต้องหาทางสกัดกั้นให้ได้ เพราะทั้งคู่ต่างก็มีเดิมพันสูง บางพรรคที่ต้องสู้ยิบตา เพราะหากพ่ายแพ้คราวนี้ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะกลายเป็นพรรคขนาดเล็ก ที่คงจะยอมรับ หรือทำใจได้ยากแน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น