ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เผย กสม. ทำหนังสือถึงนายกฯ ขอให้สั่ง สตช.- ป.ป.ส. ยกเลิกตรวจดีเอ็นเอคนกลุ่มเสี่ยงยาเสพติดแบบเหมารวม ชี้ เป็นการละเมิดสิทธิฯ ต้องเร่งเยียวยา
วันนี้ (8 ธ.ค.) นายบุญเกื้อ สมนึก ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ของชาวบ้านกว่า 50 ราย ในหมู่บ้านแกน้อยหย่อมบ้านถ้ำ และบ้านหนองเขียว ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่อาศัยอยู่ ในจำนวนนี้มีเด็กที่อายุยังไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์ จำนวน 3 คน ถูกตรวจเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไปด้วย โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่แจ้งข้อมูลที่จำเป็นให้แก่บุคคลที่จะต้องถูกเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอทราบ และไม่ได้รับความยินยอมโดยสมัครใจอย่างแท้จริง ทั้งยังไม่มีการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่ง กสม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 65 ว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และมีข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยเสนอให้มีนักสังคมสงเคราะห์ หรือสหวิชาชีพเข้าร่วมในกระบวนการจัดเก็บดีเอ็นเอของเด็ก ให้แจ้งผลการตรวจดีเอ็นเอให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยึดยาเสพติดทราบ และให้ลบข้อมูลดีเอ็นเอของชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านที่ถูกจัดเก็บโดยไม่ได้รับความยินยอมออกจากฐานข้อมูล นั้น
ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า สตช. ไม่ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ กสม. โดยไม่มีเหตุอันสมควร ประกอบกับ กสม. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินโครงการเก็บและตรวจสารพันธุกรรมของบุคคลกลุ่มเสี่ยงและวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและคดีอาญาอื่นๆ ซึ่งเป็นโครงการที่บูรณาการร่วมกันระหว่าง สตช. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มีลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่ได้อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 และมาตรา 131/1 ที่กำหนดให้เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการที่ต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัด กระทำเท่าที่จำเป็น และจะต้องได้รับความยินยอมโดยสมัครใจและอิสระจากบุคคลที่ถูกเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ เนื่องจากมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคล ประกอบกับโครงการได้กำหนดเป้าหมายของบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่จะเก็บและตรวจดีเอ็นเอไว้อย่างกว้าง ครอบคลุมบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย อันถือเป็นการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลโดยไม่เป็นธรรม
ที่ประชุม กสม. พิจารณาผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ และองค์กรภาคประชาสังคมแล้ว เห็นว่า สตช. ไม่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีการเก็บและตรวจดีเอ็นเอของชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่กรณีดังกล่าวตามข้อเสนอแนะของ กสม. อย่างเป็นรูปธรรม ประกอบกับการดำเนินโครงการเก็บและตรวจสารพันธุกรรมของบุคคลกลุ่มเสี่ยงโดยความร่วมมือของ สตช. และสำนักงาน ป.ป.ส. ยังเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเชิงระบบ จึงเห็นควรมีหนังสือแจ้งข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี ให้พิจารณาสั่งการให้ สตช. และสำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ กสม. และให้ยกเลิกการดำเนินโครงการเก็บและตรวจสารพันธุกรรมของบุคคลกลุ่มเสี่ยงและวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและคดีอาญาอื่นๆ หากมีความจำเป็นต้องเก็บและตรวจสารพันธุกรรมก็ให้ดำเนินการตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา