“เพื่อไทย” แจงวุ่นปมโดนถล่มขายฝันค่าแรง 600 ทำลายโครงสร้างธุรกิจ “อุ๊งอิ๊ง” แถวันนี้ ศก.ไม่ดียังทำไม่ได้ แต่ถ้า ศก.ดีแล้ว ค่าแรงขึ้นเองตามธรรมชาติ โวสมัย “ยิ่งลักษณ์” ขึ้น 300 มาแล้ว “หมอมิ้ง” ฟุ้งหากเป็น รบ.ทำได้แน่นอน ยันเข้าใจผลกระทบผู้ประกอบการ-โครงสร้างธุรกิจ
จากกรณีที่พรรคเพื่อไทยนำเสนอนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570 จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่สามารถทำได้จริง รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในวงกว้างนั้น
วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวชี้แจง
โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวตอนหนึ่งว่า วิสัยทัศน์ปี 2570 ที่แถลงไปในการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.นั้น ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ประเด็นขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทเป็นหนึ่งในนั้น ตนเข้าใจดีว่า เหตุใดถึงมีการถกเถียงเรื่องนี้ เพราะตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี คงคิดภาพให้ความหวังว่า หากค่าแรงเพิ่มเป็น 600 บาท หมายความว่า ต้นทุนผู้ประกอบการต้องเพิ่มขึ้น แน่นอนว่า หากคิดในวันนี้เดือดร้อนแน่ แต่เราพูดถึงเศรษฐกิจภาพรวมทั้งประเทศที่จะเติบโตพร้อมๆ กันทั้งระบบ ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่เคยขึ้นสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านมากว่า 10 ปี ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นประมาณ 10 บาทเท่านั้น ฉะนั้น พรรคเพื่อไทยต้องคิดใหญ่เพื่อให้เศรษฐกิจทั้งประเทศขับเคลื่อนไปด้วยกัน แต่ไม่ใช่นำงบประมาณของประเทศมาใช้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ รวยกระจุกจนกระจาย ส่วนจีดีพีประเทศจะเติบขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% นั้น ไม่ใช่จะตายตัว 5% ทุกปี ซึ่งปีแรกอาจจะสูงกว่า 5% ก็ได้ ปีต่อมาอาจจะลดน้อยลงตามเลขเฉลี่ยแต่ละปีที่จะเติบโตได้ และดูเศรษฐกิจโลกบวกด้วย
“วันนี้ไม่แปลกเลยที่คนจะคิดว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้น วันนี้ค่าแรงขึ้นเป็น 600 บาท ยังคิดไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดี เมื่อเศรษฐกิจดีทั้งระบบแล้วจะไปโดยธรรมชาติของเศรษฐกิจเอง” น.ส.แพทองธาร ระบุ
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า การเติบโตเศรษฐกิจเราต้องการเติบโตทั้งระบบทั้งประเทศ คนทุกชนชั้น คนทุกฐานะได้รับประโยชน์ ได้มีโอกาส ได้มีศักดิ์ศรี มีเกียรติที่จะสามารถออกมาใช้ชีวิตจับจ่ายใช้สอย ลดหนี้สิน ดูแลครอบครัวได้ นั่นคือคอนเซ็ปที่เราเปลี่ยนตั้งแต่เคมเปญพรรคว่า เราต้องคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ปัญหามีนานแล้ว คิดเล็กปัญหาไม่จบ ต้องคิดใหญ่แก้ปัญหาทั้งระบบ
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายนี้จะใช้งบประมาณส่วนใด สามารถทำได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า นโยบายที่ออกไปเราทำให้มันเกิดขึ้นจริง ซึ่งระยะเวลา 8 ปีหลังรัฐประหารทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว และไม่สามารถเติบโตขึ้นได้ รวมทั้งแรงงานดีๆ ถูกดองไว้ ไม่มีการพัฒนาศักยภาพแรงงานไทย ถึงมีคนพูดว่าอยากย้ายประเทศ
นพ.พรหมินทร์ กล่าวเสริมว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะดำเนินการเป็นขั้นตอน เราตระหนักดีว่ามีหลายท่านวิจารณ์ว่า เราทำลายโครงสร้างทางธุรกิจ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะเราตระหนักดีว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นเรื่องของนายจ้างกับลูกจ้าง และมีรัฐดูภาพรวมเพื่อให้ประเทศเดินต่อได้ โดยเราจะต้องขยับไปด้วยกันเป็นขั้นตอน สิ่งสำคัญคือเราต้องทำให้เกิดรายได้ก่อน
“สิ่งที่เราเคยแถลงมาแล้วเป็นไปได้แน่นอน เนื่องจากเราเคยทำมาแล้วในอดีต และขอให้มั่นใจว่าเราจะต้องเติบโตไปด้วยกัน” นพ.พรหมินทร์ กล่าว
เมื่อถามว่า แนวคิดขึ้นค่าแรงจะเป็นแบบขั้นบันไดจนถึงปี 2570 ใช่หรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า วันนี้เราเริ่มวางแผนแล้วว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อจะทำให้เศรษฐกิจโต เมื่อเศรษฐกิจโตแล้ว จึงจะสามารถปรับค่าแรงขั้นต่ำได้ เราเป็นคนมีเหตุผลไม่ทำร้ายกลไกเศรษฐกิจพังทลายด้วยคำหวานๆ ที่ไปหาเสียงแบบคนอื่นทำ
เมื่อถามว่า กรณีที่ภาคธุรกิจและสภาองค์การนายจ้างฯ แสดงความกังวลต่อเรื่องนี้ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ข่าวที่ออกมาไปมีข้อเดียว แต่ความจริงเราจะขยับเศรษฐกิจทั้งระบบให้โตเฉลี่ยปีละ 5%