xs
xsm
sm
md
lg

“วีระกร” เซอร์ไพรส์ “มิ่งขวัญ” จะนั่งแคนดิเดต พปชร. ชี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ประวิตร” คนเดียว อาจต้องเข้าที่ประชุมใหญ่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“วีระกร” เซอร์ไพรส์ “มิ่งขวัญ” บอกจะนั่งแคนดิเดต พปชร. ชี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ประวิตร” คนเดียว อาจต้องเข้าที่ประชุมใหญ่ ไม่แปลกใจ “ประยุทธ์” เล็งทำงานจนนาทีสุดท้าย แต่ทำได้ดีหรือไม่ ให้ประชาชนตัดสิน ซัด “เพื่อไทย” เน้นหาเสียงเวอร์ เมินกระทบภาคอุตสาหกรรม

วันนี้ (7 ธ.ค.) เวลา 10:00 น. นายวีระกร คำประกอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นครสวรรค์ และรองผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา ถึงกรณี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้รับการเปิดตัวเข้าพรรคพลังประชารัฐ และกล่าวว่า ได้รับการเสนอเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
นายวีระกร กล่าวว่า เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดของสมาชิกพรรค แต่นายมิ่งขวัญเอง ก็เป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ เป็นประโยชน์ต่อพรรคแน่นอน แต่การที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะต้องขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคที่จะเป็นผู้พิจารณา ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว และอาจจะต้องเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่สามัญของพรรคด้วยซ้ำไป
“ดังนั้น คงสร้างความแปลกใจให้กับสมาชิกในช่วงนี้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่” นายวีระกร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 ให้พรรคเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ถึง 3 คน การมีบุคลากรมีความรู้ความสามารถอย่างนายมิ่งขวัญ ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับพรรคในการหาเสียง เพราะที่ผ่านมา นายมิ่งขวัญ เคยทำให้พรรคเศรษฐกิจไทย ได้คะแนนมาถึง 500,000 คะแนน จึงน่าจะมาเติมคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐได้

สำหรับกรณี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะทำงานไปอีก 2 ปีนั้น นายวีระกร กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ เป็นบุคลากรฝ่ายบริหาร แน่วแน่ในการทำงานบริหารด้านเดียว โดยเดิมที พลเอก ประยุทธ์ มอบหมายให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ประสานงานการเมือง ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่ พลเอก ประยุทธ์ จะทำงานจนถึงนาทีสุดท้าย เพื่อทำงานในสิ่งที่ท่านตั้งใจ ส่วนจะทำงานออกมาได้ดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับประชาชนตัดสิน

ผู้สื่อข่าวถามความเห็นต่อนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่จะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน นายวีระกร ตอบว่า เวอร์ เป็นการพูดเอาใจ และเป็นการพูดหาเสียง ก็พูดได้ แต่จะไปกระทบกับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมเกษตรมาขึ้นค่าแรงเกือบเท่าตัวจะทำได้อย่างไร อาจต้องไปใช้แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนคนไทยก็ตกงาน เรื่องแรงงานน่าจะปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ประกอบการในการพิจารณาจะดีกว่า อย่านึกแต่เรื่องหาเสียงอย่างเดียว เน้นความเว่อร์ ความหวือหวาจนเกินไป
กำลังโหลดความคิดเห็น