เอกอัครราชทูตบรูไนฯ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี พร้อมส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตร ความมั่นคงทางอาหาร การท่องเทียว รวมถึงประสานความร่วมมือในกรอบอาเซียนและเวทีระหว่างประเทศ
วันนี้ (7 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเปองีรัน ฮาจี ซาฮารี บิน เปองีรัน ฮาจี ซัลเละฮ์ (Mr. Pengiran Haji Sahari bin Pengiran Haji Salleh) เอกอัครราชทูตบรูไนดารุสซาลามประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีในโอกาสรับหน้าที่ในประเทศไทย โดยทราบว่า เป็นการประจำการในประเทศที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งที่สองแล้ว รัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่ เชื่อมั่นว่า ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเอกอัครราชทูตบรูไนฯ จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-บรูไนฯ ให้ก้าวหน้า แน่นแฟ้น และยั่งยืนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ และ เจ้าชายอับดุล มาติน ที่เสด็จฯ เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก และทรงสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพของไทยมาโดยตลอด หวังว่า ผลลัพธ์จากการประชุมจะช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้แก่ภาคเอกชนและกระตุ้นการดำเนินธุรกิจในเขตเศรษฐกิจเอเปกและอาเซียนเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
เอกอัครราชทูตบรูไนฯ รู้สึกยินดีที่ได้มาพบปะกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ และขอบคุณการต้อนรับที่อบอุ่นจากรัฐบาลนับตั้งแต่ที่เดินทางมาถึงไทย พร้อมกล่าวชื่นชมต่อความสำเร็จของไทยในการเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก 2022 นำมาซึ่งผลลัพธ์ของการประชุมที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงชื่นชมต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวฟื้นตัว ทั้งนี้ ไทยและบรูไนฯ มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นมาโดยตลอด มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงทั้งระดับราชวงศ์ และผู้นำรัฐบาลระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง บรูไนฯ ประสงค์แสวงหาความร่วมมือกับไทยมากขึ้นในด้านที่ไทยเชี่ยวชาญทั้งการเกษตร ปศุสัตว์ การค้าและการลงทุน การท่องเที่ยว รวมถึงการเรียนรู้ประสบการณ์จากไทยเรื่องเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจของชุมชน
นายกรัฐมนตรี และ เอกอัครราชทูตบรูไนฯ ต่างเห็นพ้องว่า สถานการณ์โลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลง และความท้าทาย นายกรัฐมนตรีเห็นว่าไทยและบรูไนฯ ควรกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งการประสานท่าทีในเวทีระหว่างประเทศ ส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร ความมั่นคงทางพลังงาน โดยไทยพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ไทยมีความเชี่ยวชาญทางด้านการเกษตร ปศุสัตว์ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการผลิตอาหารฮาลาล ด้านเอกอัครราชทูตบรูไนฯ เห็นว่า ทั้งสองประเทศสามารถเพิ่มพูนความร่วมมือได้อีกมาก ทั้งการเพิ่มปริมาณการค้าและการลงทุน การท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ความร่วมมือด้านแรงงาน รวมถึงการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก
สำหรับความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรีพร้อมร่วมมือกับบรูไนฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้อาเซียนมีความเป็นปึกแผ่นอย่างเข้มแข็ง และกล่าวชื่นชมการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของบรูไนฯ เมื่อปีที่แล้ว ท่ามกลางความท้าทายอย่างมาก ซึ่งเอกอัครราชทูตบรูไนฯ ยินดีร่วมมือกับไทยเสริมสร้างความร่วมมือในกรอบอาเซียน เพื่อความเป็นปึกแผ่นในอาเซียน ในโอกาสนี้ ทั้งสองยืนยันความพร้อมกระชับความร่วมมือ บทบาท และการประสานท่าทีในเวทีระหว่างประเทศร่วมกัน