วันที่ 5 ธ.ค. จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานดนตรีในสวน เทิดพระเกียรติ"ร่วมร้อยใจภักดิ์ ส่งความรัก ถึงคนบนฟ้า"เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดยมี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ผู้อำนวยการศูนย์ตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน นายศุภภิมิตร เปาริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา คณะผู้บริหารเทศบาลนครฯ ข้าราชการ ภาคเอกชน พร้อมพี่น้องประชาชนชาวโคราช
นายสุวัจน์ กล่าวว่า เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ เทศบาลนครนครราชสีมาร่วมกับหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนจังหวัดนครราชสีมา จึงได้ร่วมกันจัดงานดนตรีในสวน เทิดพระเกียรติ “ร้อยใจภักดิ์ ส่งความรักถึง คนบนฟ้า” และกิจกรรมด้านศิลปะขึ้นในวันนี้
“พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านดนตรีได้รับการถวายพระราชสมัญญา “อัครศิลปิน” ทรงพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 บทเพลงพระราชนิพนธ์เริ่มจากเพลงแรกคือ เพลงแสงเทียน เมื่อปี พ.ศ.2489 และเมื่อวันที่ 3 ต.ค.2507 คราวเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐออสเตรียอย่างเป็นทางการมีการแสดงดนตรี ณ คอนเสิร์ตฮอลล์ กรุงเวียนนา วงดุริยางค์ซิมโฟนี ออเคสตร้า แห่งกรุงเวียนนาได้อัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์คือ เพลงมโนราห์ สายฝน ยามเย็น มาร์ชราชนาวิกโยธิน และมาร์ราชวัลลภ ไปบรรเลง รัฐบาลออสเตรียออกกาศการบรรเลง และข่าวนี้ทางวิทยุไปทั่วประเทศต่อมาวันที่ 5 ต.ค.2507 สถาบันดนตรีและศิลปะแห่งกรุงเวียนนาได้ทูลเกล้าฯ ถวายประกาศนียบัตรอันทรงเกียรติยิ่งให้ทรงดำรงตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ หมายเลข 23 และได้จารึกพระปรมาภิไธยบนแผ่นหินสลักในอาคารสถาบัน ทรงเป็นชาวเอเชียพระองค์แรกที่เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ ของสถาบันดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ขณะพระชนมายุเพียง 37 พรรษาเท่านั้น”นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2524 ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และ พระราชทานพระบรมราโชวาทความตอนหนึ่งว่า “ท้าวสุรนารี เป็นผู้ที่เสียสละเพื่อให้ประเทศชาติได้อยู่รอดปลอดภัย ควรที่อนุชนรุ่นหลัง จะได้ระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน บ้านเมืองทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ต้องหวงแหน การหวงแหน คือ ต้องสามัคคี รู้จักหน้าที่ ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ชาวนครราชสีมาได้แสดงพลังต้องการ ความเรียบร้อย ความสงบ เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ชาติกลับปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าสถานการณ์รอบตัวเราและรอบโลก จะผันผวนและล่อแหลมมาก แต่ถ้าทุกคนเข้มแข็ง สามัคคี กล้าหาญ และเอื้อเฟื้อต่อกันชาติก็จะมั่นคง
นายสุวัจน์ กล่าวว่า การแสดงในวันนี้ มีวงดนตรีหลายวงได้ร่วมกันแสดงบทเพลงพระราชนิพนธ์ อาทิเช่น วง KBB ซึ่งเป็นวงสมาชิกในวงเป็นวง อ.ส., วงออเคสต้าของโรงเรียนสุรนารีวิทยา, และคณะ 13 องค์กรหลักของจังหวัดนครราชสีมา ขับร้องเพลง “เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย” คณะครูโรงเรียนสังกัดเทศบาลนครนครราชสีมา ขับร้องเพลง”แผ่นดินของเรา” เพลง”ยามเย็น” และการขับร้องเพลงจากกลุ่มสตรีแม่บ้านอำเภอเมือง ในบทเพลง “ใกล้รุ่ง” และสมาคมมิตรนครราชสีมาสงเคราะห์(หลินเซิง) เพลง “ชะตาชีวิต” นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม “งดงาม ซาบซึ้งและอิ่มเอม” กิจกรรม “ยิ้มสู้ ลมหนาว ยามเย็น” กิจกรรมศิลปะบนพื้นผ้า “Love at Sundown” กิจกรรม “หนึ่งสี หนึ่งใจ ในแสงเดือน และชมนิทรรศการ”๙๙ ภาพในดวงใจนิรันดร์”
จากนั้น มีการจุดเทียนแปลตัวอักษร “เรารักในหลวง” จำนวน 2,999 ดวง พร้อมกับพี่น้องประชาชนชาวโคราชร่วมจุดเทียน “แสงเทียนส่งใจ เรารักในหลวง”
“ผมขอแสดงความชื่นชมยินดีและขอขอบคุณท่านนายกเทศมนตรีและผู้บริหารส่วนราชการ ภาคเอกชนและพี่น้องประชาชนชาวโคราช ที่ได้ร่วมมือการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ อันสูงยิ่ง ที่ได้มีต่อพสกนิกรชาวไทยและชาวโคราชอย่างหาที่สุดมิได้ในการจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ”ร่วมร้อยใจภักดิ์ ส่งความรัก ถึงคนบนฟ้า”นายสุวัจน์ กล่าว