โฆษก ภท. โต้ ปชป. ห่วงสังคมจริง ต้องจับประเด็นให้ถูก ปมจัดฉากเด็กเร่ร่อนเก้าขวบ กับบ้องกัญชา สังคมพิจารณาได้เอง อย่าร้อนตัว ย้อนพฤติกรรมอดีตหลายคนมีภาพจำ
วันนี้ (5 ธ.ค.) ต่อจากกรณีที่ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าววานนี้ ในประเด็นที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.สธ. และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พูดถึงการจัดฉากถ่ายภาพเด็กเก้าขวบ สูบบ้องกัญชา ว่า เรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยต้องหาหลักฐานมาว่า นพ.บัญญัติ จัดฉากอย่างไร ทำด้วยวิธีการไหนนั้น
ล่าสุด วันนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังพรรคภูมิใจไทย ได้รับคำตอบจาก นายภราดร ปริศนานันทกุล โฆษกพรรค ว่า “การตั้งข้อสังเกตเรื่องการจัดฉากนั้น ไม่เพียงภูมิใจไทยที่เห็นเช่นนั้น สังคมก็มองเห็น เพราะผู้มีประสบการณ์กับการใช้กัญชา ล้วนออกมาให้ข้อมูลว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่เนียน เนื่องจากการสูบกัญชาจากบ้องนั้น มีกระบวนการที่ซับซ้อน ค่าใช้จ่ายสูง และต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์กับการสูบแบบมวนมาเป็นเวลานานแล้วเท่านั้น จึงจะทำได้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เด็กเร่ร่อนวัยเก้าขวบ จะทำได้ แม้แต่กรรมาธิการที่พิจารณา พ.ร.บ.กัญชาฯ ท่านหนึ่ง คือ คุณประสิทธิชัย หนูนวล ก็ให้ความเห็นไว้เช่นนั้น
การโยนให้คนที่จับพิรุธได้ไปหาหลักฐานอะไรมากไปกว่าข้อเท็จจริงนี้ จึงเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล เพราะหากมีการจัดฉากจริง ก็ย่อมรู้กันเฉพาะผู้ดำเนินการเท่านั้น และเราก็ไม่ได้กล่าวหาว่าใครเป็นคนทำ แต่ยืนยันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ปกติอย่างแน่นอน คงต้องให้สังคมเป็นผู้พิจารณา พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องร้อนตัว นพ.บัญญัติ ท่านอาจจะเป็นหนึ่งในผู้รับข่าวสารที่ไร้เดียงสาจริงๆ ก็ได้”
พร้อมกล่าวว่า “ส่วนที่สังคมจะตั้งข้อสงสัยว่าประชาธิปัตย์จัดฉากปล่อยข่าวหรือไม่นั้น เป็นเรื่องยากจะควบคุม เพราะจากพฤติกรรมในอดีต หลายคนก็อาจมีภาพจำที่ทำให้คิดไปได้”
นอกจากนี้ ยังกล่าวเสริมว่า อยากให้พรรคการเมืองให้ความสำคัญกับปัญหาสังคมจริงๆ มากกว่าหยิบสถานการณ์มาใช้ในเกมการเมือง การที่เรามีเด็กเร่ร่อนไปนอนข้างถนน หยิบอะไรจากถังขยะมาใช้ตามข่าวได้ ถูกผู้ใหญ่ชักจูงให้ทำอะไรก็ได้ เป็นปัญหาที่เรื้อรังและควรได้รับการแก้ไข ไม่ใช่เดือดร้อนผิดที่ พืชสมุนไพรกัญชามีการกำกับควบคุมการใช้งานตามกฎหมาย ไม่สามารถขายให้เยาวชนได้ ส่วนเด็กเร่ร่อนเป็นอีกประเด็น การขาดผู้ดูแลทำให้เขาเข้าถึงอะไรได้มากมาย และหลายอย่างอันตรายกว่ากัญชามาก
นายภราดร กล่าวทิ้งท้ายว่า “หากห่วงเด็กจริง ต้องจับประเด็นปัญหาให้ถูก ทางพรรคจึงได้ชี้แนะไปแต่แรก ว่า เรื่องนี้ควรหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ของพรรคประชาธิปัตย์ เองด้วย”