อย่ามาขิง! “หมอวรงค์” จับไต๋ “ธนาธร” ถามถ้ามีคนจ่ายหลักล้านแลกไม่ซักฟอก “รมต.” จริง “เงียบทำไม” “ดร.เสรี” ซัด เจ้าของโครงการอสังหาฯ ไม่แจง จี้ ตำรวจทำคดีโปร่งใส “นพดล” ยก 4 ข้อโต้บิดเบือนใส่ร้าย เพื่อไทย
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (4 ธ.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความระบุว่า
“# อย่ามาขิง
นายธนาธร แฉสมัย “อนาคตใหม่” มีคนเสนอหลักล้าน แลกไม่ให้ ส.ส.ซักฟอก รมต. แต่ไม่รับ ขอถามกลับไปว่า คุณคือมือปราบโกงของจริงหรือไม่
ถ้ามีคนติดต่อมา เพื่อจ่ายเงินหลักล้านจริง เมื่อคุณไม่รับ ทำไมคุณเงียบ ไม่อภิปราย และปล่อยให้ระยะเวลายืดยาว มานานขนาดนี้
ถ้าเป็นไทยภักดี นอกจากไม่รับแล้ว เรายังต้องขุดคุ้ยเอามาตีแผ่ อภิปราย เพื่อเอาเข้าคุกให้ได้ อย่าคิดว่าคนไทยตามคุณไม่ทัน “อย่ามาขิง” กันดีกว่า”
ขณะเดียวกัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
“คนไทย 50 คนซื้อบ้าน รับโอนจากบริษัทอสังหาฯ แล้ว มีคนจีนต้องการซื้อต่อ ปรากฏว่า คนไทยทั้ง 50 ราย พร้อมใจกันขายให้คนจีนทั้ง 50 คนเลย ฟังดูอัศจรรย์มากเลยนะคะ
เจ้าของโครงการที่เป็นลูกเจ้าของคอกยังเงียบอยู่ไม่พูดอะไรเลย เพราะกรณีนี้ งานเข้าจริงๆ ยากที่จะหาคำอธิบายใดๆ มาชี้แจง ว่าทำไมคนต่างชาติจึงเป็นลูกค้าซื้อบ้าน ทั้งๆ ที่กฎหมายไม่อนุญาต
ที่ร้ายไปกว่านั้น ก็คือ คนของตนเองดันออกมาพูดยืนยันว่าเรื่องที่พูดกันเป็นเรื่องจริง จนมีคนหลายคนเชียร์ให้ขุดต่อ อย่าได้หยุด ขุดให้เต็มที่ไปเลย
งานนี้ตำรวจที่ทำคดีจะต้องทำอย่างโปร่งใส จัดการกับคนทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง อย่าให้มีการลูบหน้าปะจมูก เป็นมวยล้มต้มประชาชนที่ต้องการกระฉากหน้ากากคนที่ทำผิดกฎหมายเพราะเห็นแก่ตัว”
ต่อมา หลังจากบริษัท เอสซี แอสเสท ชี้แจงเกี่ยวกับการขายบ้านโครงการ โดยยืนยันว่า ขายให้เฉพาะคนไทยหรือนิติบุคคลสัญชาติไทย โดยผู้ถือหุ้นในบริษัทไม่เกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทา แล้ว ดร.เสรี ได้โพสต์ข้อความอีกว่า “แค่พูดว่าทำธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล ซื้อขายผ่านธนาคาร อธิบายอะไรเกี่ยวกับคนจีนซื้อบ้าน 50 หลัง จาก 66 หลัง แถลงแบบนี้ไม่ได้ชี้แจงให้หายแคลงใจเรื่องการที่มีคนจีนซื้อบ้านพร้อมที่ดินนะคะ
“การที่บอกว่าผู้ถือหุ้นไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจนั้น เข้าใจได้ว่า พยายามปกป้องไม่ให้ผู้ถือหุ้นมีความผิด หากสามารถสืบได้ว่าคนไทยที่ซื้อนั้นเป็นนอมินีต่างชาติ แต่ถ้าสืบได้ว่ามีการขายบ้านพร้อมที่ดินให้ต่างชาติ ผู้ถือหุ้นน่าจะต้องรับผิดชอบนะ คงเหมือนที่รัฐมนตรีและข้าราชการทำ นายกรีฐมนตรีก็ผิดด้วยสืบเส้นทางการเงินในการซื้อขายไม่น่าจะยากนะคะ”
ทั้งนี้ นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่มีการตั้งข้อกล่าวหาต่อนายตู้ห่าวและพวกว่ามีการกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย อีกทั้งให้ข้อมูลว่ามีกลุ่มทุนต่างชาติกว้านซื้อบ้านในบางโครงการ และพยายามโยงเรื่องนี้มาบิดเบือนใส่ร้ายพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคเพื่อไทยให้เสียหายนั้น
พรรคขอใช้สิทธิชี้แจงดังต่อไปนี้ 1. กรณีดังกล่าวข้างต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสืบสวนสอบสวนคดีต่างๆ อยู่ในขณะนี้ พรรคเพื่อไทย เห็นว่า เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่มีอยู่ตามกฎหมายได้อยู่แล้ว เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพรรค พรรคไม่ขัดขวางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
2. ขอย้ำว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว นายตู้ห่าวไม่เคยบริจาคเงินให้พรรคเพื่อไทย ข้อกล่าวหาที่มีต่อผู้ต้องหาก็เกี่ยวเนื่องกับการทำธุรกิจในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 8 ปีแล้ว ดังนั้น หากจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมายในช่วงเวลานี้ในประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะบังคับใช้กฎหมาย และรัฐบาลสามารถไปตรวจสอบว่ามีการประกอบธุรกิจผิดกฎหมายทำนองเดียวกันนี้มากน้อยเพียงใด ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใดทั้งสิ้น ดังนั้นอย่าเบี่ยงเบนประเด็น
นายนพดล กล่าวต่อว่า 3. กรณีที่พยายามโยงว่า ชาวต่างชาติกว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัท เอสซี แอสเสท และพาดพิงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ผู้ถือหุ้นในบริษัทในบางสื่อนั้น ตนเห็นว่า การพาดพิงและกระจายข่าวต่างๆ มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างชัดเจน ขอเรียนว่า นางสาวแพทองธาร ไม่ได้รู้จักกับนายตู้ห่าว และเป็นเพียงผู้ถือหุ้น ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายบ้านให้บุคคลใดๆ นอกจากนั้น บริษัท เอสซี แอสเสท ได้แถลงไปแล้วว่า บริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล โดยยึดหลักไม่กระทำผิดกฎหมาย บ้านทุกหลังขายให้คนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น และในการชำระค่าบ้านผู้ซื้อต้องชำระเงินผ่านธนาคาร ตนขอตั้งเป็นข้อสังเกตว่า ทรัพย์สินที่ถูกอายัดของบุคคลกลุ่มนี้ มีบ้าน รถยนต์ และทรัพย์สินที่ซื้อจากหลายโครงการ หลายบริษัท กระจายไป ไม่ใช่ซื้อจากบริษัท เอสซี แอสเสท อย่างเดียว
4. ช่วงเวลานี้ ประเทศกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ประชาชนคาดหวังที่จะเห็นพรรคต่างๆ นำเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยขอเชิญชวนให้ช่วยกันนำเสนอนโยบายและหาทางออกให้ประเทศ และโปรดยุติการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไอโอที่เป็นการบิดเบือนใส่ร้ายฝ่ายอื่นด้วยความเท็จ ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ความเห็น และการตั้งคำถามของ “หมอวรงค์” ต่อกรณี นายธนาธร ออกมาแฉเป็นตุเป็นตะว่า มีคนเสนอเงินหลักล้านให้ในสมัยพรรคอนาคตใหม่ เพื่อแลกกับการไม่ให้อภิปราย แต่ไม่รับ
เพราะฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แถมไม่มีหลักฐานอ้างอิง หรือ พยานรู้เห็น ที่สำคัญ พรรคที่กำลังร้อนวิชา ร้อนอุดมการณ์อย่างอดีตอนาคตใหม่นั้นหรือ ที่จะไม่นำเอาเรื่องนี้มาบดขยี้ให้ตายไปข้างหนึ่ง มันผิดธรรมชาติ ผิดวิสัย
ยิ่งถ้าเป็นคนในพรรครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอดีตพรรคอนาคตใหม่ขนาดนั้น มีหรือ จะปล่อยเอาไว้ กลายเป็นว่า ความเห็นของ “หมอวรงค์” น่าเชื่อถือกว่า และคำถามก็เข้าเป้าดีเสียด้วย
เหนืออื่นใด ไม่รู้วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของ “ธนาธร” ที่ออกมาพูดเรื่องนี้หวังผลอะไร แค่ “ฟ้องประชาชน” อย่างนั้นหรือ? แต่กลับมาฟ้องเอาตอนที่เรื่องมันเย็นลงอย่างมากแล้ว และสายไปแล้ว หรือว่าตอนนี้ “ว่างมาก” !?