พรรคร่วมซัดกันเองอีกรอบ ปชป.อัด “”กัญชาแผนอนุทิน" ทำการแพทย์แผนไทยผิดเพี้ยน ประกาศสธ.ฉบับใหม่ไร้อำนาจควบคุมจริง ทำให้เกิดห้องคอมมอนรูม พากันพี้อย่างเปิดเผย บี้พูดให้ชัดอย่าแอบหลังเสื้อกาวน์ทำสิ่งแปดเปื้อน ขู่หากกมธ.ดันทุรังเมินเสียงค้านสังคม อาจถูกตีตก
เมื่อเวลา 14.00 น. ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ.. ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระ 2 และ 3 ว่า จากกรณี นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้เดินทางไปตรวจร้านขายกัญชาในบริเวณถนนข้าวสารเมื่อค่ำวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า มีการขายช่อดอกกัญชา ทั้งที่ประกาศของกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดห้าม ซึ่งเรามองว่า การที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ยังยืนยันว่า เป็นนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ ไม่ใช่เพื่อสันทนาการ หรือนันทนาการ แต่การปฏิบัติกลับไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ยืนยัน เราพบว่า ขณะนี้ประเทศไทยใช้กัญชาเพื่อสันทนาการเต็มรูปแบบ ทำให้กัญชาทางการแพทย์ผิดเพี้ยนไป
นพ.บัญญัติ กล่าวว่า เมื่อมีประกาศเกิดขึ้น พบว่า แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งจัดทำแบบคอมมอนรูม โดยอ้างว่า เป็นสถานที่กลาง ไม่ใช่ที่สาธารณะให้มาสูบกัน เมื่อกรมการแพทย์ฯไปตรวจ พบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความสงสัยว่ากระทรวงได้ปฏิบัติตามนโยบายที่ รมว.สาธารณสุข ที่ยืนยันหรือไม่ โดยตน ส.ส. พรรคและนักวิชาการทางการแพทย์ได้พยายามตรวจสอบ สรุปว่า ขณะนี้ประเทศไทยกัญชาสันทนาการเต็มรูปแบบ เราจึงไม่รู้จะเรียกว่ากัญชาทางการแพทย์แผนอะไร จึงขอเรียก “กัญชาการแพทย์แผนอนุทิน”
นพ.บัญญัติ กล่าวว่า จากที่มีการเปรียบเทียบกับมาตรฐานสากล พบว่า กัญชาที่กระทรวงได้ประกาศว่าเป็นกัญชาเพื่อการแพทย์แผนอนุทิน แตกต่างอยู่ 5 ข้อ คือ
1. กัญชาทางการแพทย์แผนอนุทินตัดสินประโยชน์และโทษของกัญชาด้วความเชื่อตามสื่อโฆษณาชวนเชื่อ และหลักฐานวิจัยขั้นต่ำ แต่ไม่สนใจตำราแพทย์หรือผลงานวิจัยเชิงประจักษ์ขั้นสูง
2. ไม่สนใจที่จะนำผลิตภันฑ์กัญชาทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ และปราศจากสารปนเปื้อนมาให้ผู้ป่วยใช้ แต่เน้นปลูกกันเอง รักษาตัวเอง ซึ่งจะมีสารปนเปื้อน โลหะหนักต่างๆที่เป็นอันตราย
3. อ้างว่า คนไทยทุกคนเก่งเรื่องกัญชาอยู่แล้ว และใช้มาหลายร้อยปี คิดเอง ปลูกเอง สกัดเอง สั่งใช้เอง โดยไม่ต้องพึ่งแพทย์
4. คนไทยทนกัญชาได้ดีกว่ามนุษย์พันธุ์อื่นบนโลกใบนี้ ใครอยากใช้ก็ใช้เลยไม่ต้องให้หมอตรวจหรือประเมิน
และ 5. มีความเชื่อว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่สหประชาชาติ และทั่วโลก ยังกำหนดให้เป็นยาเสพติดให้โทษอยู่
“ดังนั้น เรายังยืนยันตามนโยบายพรรค ว่า เราสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องตามมาตรฐานสากล และคัดค้านกัญชาเสรีเพื่อสันทนาการ กัญาชายังเป็นสารเสพติดให้โทษต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด กระทรวงสาธารณสุขต้องพูดให้ชัด อย่าแอบผสมอยู่ในกัญชาทางการแพทย์ อย่าเอากัญชาเสรีไปหลบหลังเสื้อกาวน์ เพราะเสื้อกาวน์ไม่ใช่เป็นที่สำหรับเป็นที่แปดเปื้อนของโทษและพิษภัย”
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง กล่าวเสริมว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ ประกาศกระทรวงที่เกิดใหม่ ยังไม่สามารถควบคุมกัญชาทางการแพทย์ที่ไม่ใช่กัญชาเพื่อสันทนาการได้ เห็นได้ชัดจากที่ อธิบดีกรมการแผนฯ ไปตรวจที่ถนนข้าวสาร ก็ยอมรับว่าไม่มีอำนาจจับกุมได้ สถานการณ์กัญชาเสรีสุดขั้วที่ผิดพลาดตั้งแต่ประกาศกัญชาออกจากยาเสพติด ทั้งที่ยังไม่มีกฎหมายมาควบคุมจะสร้างปัญหาและนำไปสู่เรื่องนันทนาการ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปตรวจด้วยก็ยอมรับว่า ไม่มีอำนาจจับกุมเช่นกัน ข้อสังเกต คือ ประกาศของกระทรวงที่อาศัย พ.ร.บ.สมุนไพรควบคุม แต่เจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.นี้ ใช้เพื่อควบคุมสมุนไพรหายากและที่จะสูญพันธุ์ แต่ไม่มีเจตนารมณ์ควบคุมพืชที่มีสารเสพติดอย่างกัญชา ดังนั้น ที่มาของประกาศนี้จึงเป็นปัญหา และไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
“คาดว่า พรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) หากสภาพิจารณา พ.ร.บ.ขนส่งทางรางเสร็จสิ้น ที่จะมีการพิจารณร่าง พ.ร.บ.กัญชง กัญชา วาระ 2 ซึ่งขณะนี้กรรมาธิการก็ยังยืนอยู่แนวทางเดิม เราได้เตรียมอภิปรายและชี้ให้เห็นว่า แม้จะจำเป็น แต่ต้องเขียนในลักษณะควบคุม ไม่ใช่เป็นการเปิดเสรี ก็ต้องดูในสภาว่า กมธ.จะรับฟังและแก้ไขรายมาตราหรือไม่ แต่ถ้าหากยังเดินไปสถานที่ไม่มีการแก้ไขหรือยืนตาม กมธ.โอกาสที่จะถูกตีตกก็มีสูง”
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ทางออกคือ เมื่อประกาศกระทรวงไม่ได้ผล สถานการณ์กัญชายังเสรีสุดขั้น การทำกฎหมายจึงเป็นทางออกที่ดี จึงขอ กมธ และพรรคภูมิใจไทย รับฟังสังคมและฝ่ายแพทย์ ปรับร่างตัวเนื้อหาเพื่อกลับไปสู่การควบคุมกัญชาให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และยังเป็นพืชที่ควบคุมให้เป็นยาเสพติดต่อไปด้วย