ข่าวปนคน คนปนข่าว
**อุ๊ย! “บก.ลายจุด” แกว่งปากหาแสง “ม้า อรนภา” เจอบวกเบิกเนตรแค่ยักไหล่แล้วไปต่อ
กระแสดรามาเรื่องของ “ม้า อรนภา” นักแสดง-พิธีกรรุ่นใหญ่ตบเด็กกลางห้างเกาหลี เหมือนแสงไฟดวงใหญ่ที่ดึงดูดล่อตาล่อใจให้นักแสวงหาแสง พากันกระโจนเข้ามาห้อมล้อม แม้กระทั่ง “บก.ลายจุด” สมบัติ บุญงามอนงค์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้ฝักใฝ่ฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ ก็อดใจไว้ไม่อยู่ “แกว่งปาก” หาแสงด้วยการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กไปเมื่อวันก่อนว่า “คนอย่าง ม้า อรนภา เขาเติบโตมีชื่อเสียงอยู่ในวงการบันเทิงมาได้ยังไง อะไรคือความสามารถจริงๆ ของเขา งง”
แน่นอนว่า ทั้ง FC บก.ลายจุด และคณะทัวร์ ไม่รับเชิญ เข้ามาแสดงความเห็นกันหลากหลาย มีทั้งเห็นด้วย พร้อมเพิ่มเติมคำถามของเจ้าตัว ขณะที่บางส่วนโยงเข้าสู่การเมืองที่ฝั่งตรงข้าม “ม้า อรนภา” ถือโอกาสด่าทอ ขย่มไปถึง ลุงๆ โต้ตอบกับคณะทัวร์ ก่อตัวเป็นดรามาในท้ายโพสต์ ให้จากข่าวบันเทิง ไปเป็นหมวดการเมืองกันตามฟอร์ม
เรียกว่า ดรามานี้กวักมือให้ขาเผือกเข้ามาปะทะด้วยตัวอักษร ซึ่งต่อมา “แอร์” คำรณ ปราโมช ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและอดีตกรรมการผู้จัดการนิตยสาร IMAGE ได้ออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอบคำถามของ “บก.ลายจุด” ว่า เท่าที่ทราบ ..“เป็นช่างทำผม และเป็นช่างแต่งหน้า ลำดับ top five ของประเทศ (ผลงานตามนิตยสาร แต่งหน้านางแบบ นายแบบ นักแสดง เจ้าสาว และบุคคลที่มีชื่อเสียง) เป็น lgbtq คนแรกของประเทศ ที่ได้เป็นนางแบบเดินแฟชั่นโชว์ ห้องเสื้อชั้นนำ และเป็นนางแบบบนปกนิตยสารชั้นนำของประเทศ
เป็นนักเขียนประจำนิตยสารดังๆ หลายฉบับ เป็นนักแสดงละครหลายเรื่อง เป็นพิธีกรโทรทัศน์ หลากหลายรายการ เป็นนักธุรกิจ เจ้าของกิจการด้านความงาม
ตบท้ายด้วยว่า “หาย งง นะ”
งานนี้ ชาวโซเชียลฯ ก็เฮละโลตีเกราะเคาะไม้ กระแทกไลก์ กันรัวๆ โดยต่อมา “บก.ลายจุด” ได้ตอบในคอมเมนต์ โพสต์เดิมของตัวเอง พร้อมแนบลิงก์ข่าว จาก MGR Online ว่า “เอาเป็นว่าผมได้อ่านสิ่งที่คุณคำรณอธิบาย” โดยไม่ได้ตอบโต้อะไรมากนัก แต่มาฟาดเอากับความเห็นของใครคนหนึ่งที่ว่า “ก็ไม่รู้สิ แต่ ม้า อรนภา เขามีคนรู้จักทั่วประเทศมานานประมาณ 30-40 ปีละ ส่วน “สมบัติ บุญงามอนงค์” มีคนรู้จักแค่หยิบมือ เรื่องปากไม่ดี ก็พอๆ กัน แต่ทำไม “ม้า อรนภา” เขาดังกว่าเยอะเลย”
“บก.ลายจุด” พอเห็นข้อความนี้ก็ของขึ้น จัดการโพสต์อีกครั้งด้วยข้อความว่า ...นี่เป็นทัศนะที่อาจทำให้เราเข้าใจว่า ทำไม “ม้า อรนภา” ถึงสามารถยืนอยู่ในวงการบันเทิงได้นานขนาดนี้
จากข้อความดังกล่าว ชี้จุดแข็งของ “ม้า อรนภา” ไว้ 2 จุด คือ อยู่ในวงการมานาน (30-40 ปี) และเป็นคนมีชื่อเสียง
การอยู่มานานและมีชื่อเสียง ได้ทำให้ “ม้า อรนภา” เป็นส่วนหนึ่งของการติดตามวงการบันเทิงของคนไทย คือ ตั้งแต่เด็กก็เห็น “ม้า อรนภา”
จนตอนนี้มีลูกแล้วก็ยังเห็น “ม้า อรนภา” ในวงการบันเทิง มันกลายเป็นของคู่บ้านคู่เมือง เป็นดั่งปฏิทินที่บันทึกเรื่องราวในแต่ละช่วงวัยว่า ตอนเราเด็กเราเคยเห็น “ม้า อรนภา” ในบทบาทช่างแต่งหน้า โตหน่อยก็เห็นมาเป็นนางแบบ พอเราเริ่มแก่ ก็เห็นเธอเป็นกรรมการตัดสินตามรายการ และมาถึงปัจจุบันนี้เราได้เห็น “ม้า อรนภา” ออกจากวงการไปขายห่อหมก และจบด้วยเหตุการณ์ตบดาราหนุ่มที่เกาหลี
ความดังของ “ม้า อรนภา” อาจสำคัญ และกลายเป็นปูชนียบุคคลของบางคน แต่ไม่ใช่กับอีกหลายคน เพราะถ้าวัดคนที่ความดัง เจ้าของ Post จะถูกตีค่าความเป็นคนในระดับใด ?
สรุปว่างานนี้ ...ไม่จบแค่ยักไหล่แล้วไปต่อว่างั้น!!
** “ลุงป้อม” สยบดรามา บอก พปชร.-รทสช. พรรคเดียวกัน... “ลุงตู่” ได้ฤกษ์ปรับ ครม.ตำแหน่งที่ว่างก่อนสิ้นปี
ในเมื่อ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังอมพะนำ ไม่ยอมพูดถึงอนาคตทางการเมืองของตนเอง ว่าจะอยู่ หรือจะแยกกับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปล่อยให้มีการคาดเดากันไปต่างๆ นานา จนในที่สุด “ลุงป้อม” อดรนทนไม่ไหว ต้องมายืนแถลงที่โพเดียม ยอมรับว่า ได้แยกกันเดินกับลุงตู่ แต่ไม่ใช่ขัดแย้ง แตกแยกกัน เพราะอยู่กันมา 40-50 ปี ขอให้ประชาชนรับทราบตามนี้ด้วย
ส่วนเรื่อง ส.ส.ใครจะอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือใครจะตามลุงตู่ ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ไป ไม่มีปัญหา เพราะถือว่าเป็นพรรคเดียวกัน
...พล.อ.ประยุทธ์ กับผมเป็นพี่เป็นน้องกัน ก็ไม่มีอะไร ท่านอยากไปอยู่นู่น ก็ไป ผมไม่ว่าอะไร ไม่มีปัญหา และไม่ได้น้อยใจด้วย พรรคพลังประชารัฐจะต้องเป็นพรรคที่เป็นหลักให้กับประเทศชาติต่อไป
เป็นอันชัดเจนว่า “ลุงป้อม” กับ “ลุงตู่” แยกกันอยู่คนละพรรค ส่วน ส.ส.ใครจะอยู่กับใคร ก็ให้อิสระเต็มที่ เพราะลุงป้อมถือว่า ทั้งสองพรรคไม่ใช่พรรคพี่ พรรคน้อง แต่เป็นพรรคเดียวกัน คนก็รู้จักกัน ...เพียงแต่ต่างคนต่างอยู่!!
ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าใคร ก๊วนไหน มุ้งไหนจะอยู่บ้านเดิม หรือไปอยู่บ้านใหม่ และที่เลี่ยงไม่ได้ ก็คือ บางพื้นที่ต้องมาแข่งกันเอง
เสร็จจากเรื่องพรรค คราวนี้ก็มาถึงเรื่องปรับ ครม.ที่พรรคประชาธิปัตย์ เรียงหน้ากันออกมาทวงวันละ 4 เวลาหลังอาหารและก่อนนอน ว่าเมื่อไร “ลุงตู่” จะตั้ง “นริศ ขำนุรักษ์” เป็น รมช.มหาดไทย เสียที เพราะส่งชื่อให้ไปเป็นเดือนแล้ว
ตอนนี้ก็มีความชัดเจนจาก “ลุงตู่” แล้วว่าจะปรับก่อนสิ้นปีนี้ ส่วนจะปรับเล็ก ปรับใหญ่ กี่ตำแหน่ง “ลุงตู่” บอกว่า ว่างตรงไหน ก็ปรับตรงนั้น
เมื่อตอบมาอย่างนี้ ตำแหน่งที่อยู่ในข่ายต้องปรับ ครม. นอกจาก รมช.มหาดไทย ของประชาธิปัตย์แล้ว ก็จะมี รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ก่อนหน้านี้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เคยนั่งอยู่ และ รมช.แรงงาน ของ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ซึ่งเป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐ และยังมี รมช.ศึกษาธิการ ที่ “กนกวรรณ วิลาวัลย์” โควตาพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกศาลสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่
ที่ผ่านมา “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่า “กนกวรรณ” แค่ถูกสั่งพัก ยังไม่จำเป็นต้องหาคนมาแทน ... ดังนั้น ตอนนี้จึงมีแค่ 2 เก้าอี้ ของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะต้องหาคนมานั่ง
ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า “ลุงป้อม” ได้ส่งสัญญาณไปถึง “ส.ส.กลุ่มปากน้ำ” จ.สมุทรปราการ ว่าจะได้รับโควตา “รมช.เกษตรฯ” ซึ่งกลุ่มนี้มี ส.ส. ประกอบด้วย 1. นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก 2. นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ 3. น.ส.ภริม พูลเจริญ 4. นายยงยุทธ สุวรรณบุตร 5. นายอัครวัฒน์ อัศวเหม และ 6.นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่คนที่จะมารับตำแหน่งไม่ใช่ 1 ใน 6 คนนี้ แต่เป็นคนนอก เป็นผู้ชาย ชื่อย่อ ส. จัดว่าเป็นผู้กว้างขวาง คนในพื้นที่รู้จักเป็นอย่างดี
ส่วนอีก 1 เก้าอี้ จะตั้งคนมานั่ง รมช.แรงงาน หรือไม่ หรือจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอื่น ที่จะเอื้อประโยชน์ได้ดีต่อการเลือกตั้ง... ที่สำคัญคือ จะเป็นคนของ “ลุงป้อม” ตามโควตาพรรค หรือจะเป็นคนของ “ลุงตู่” ตามโควตานายกฯ ที่เป็นผู้ลงนามแต่งตั้ง อันนี้ต้องติดตาม !!