ทีมงาน ปธ.สภา ย้ำ การรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ควรขยายให้ครอบคลุม LGBTQ โดยเฉพาะการข่มขืนและกดเหยียดอัตลักษณ์ทางเพศ ยกกรณีลูกนักการเมืองถูกทำร้ายเพราะแสดงออกเป็น LGBTQ
วันนี้ (27 พ.ย.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เนื่องในเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก อยากให้สังคมไทยช่วยกันขยายขอบเขตให้ครอบคลุมผู้มีความหลากหลายทางเพศ LGBTQ โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงในลักษณะข่มขืนและกดเหยียดอัตลักษณ์ทางเพศ ทั้งการละเมิดด้วยคำพูด การบูลลี่ ด่าทอ การดูถูกดูแคลนและที่สำคัญการกดเหยียดอัตลักษณ์ทางเพศ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน และสังคมทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ยกตัวอย่างเช่น เวลาทอม (ผู้หญิงที่มีเพศวิถีเป็นชาย) ถูกทำร้ายร่างกาย ก็ถูกมองว่าอยากทำตัวเป็นผู้ชายก็ต้องทนความรุนแรงแบบผู้ชายให้ได้หรือ เมื่อมีการข่มขืนละเมิดทางเพศทอม ก็มีการเยาะเย้ยถากถางว่า “จะได้กลับใจไม่อยากเป็นทอม” และกรณี Trangender หรือหญิงข้ามเพศ ที่ถูกละเมิดทางเพศ กลับไม่สามารถดำเนินคดีข้อหาข่มขืนกับผู้กระทำได้ เนื่องจากเพศกำเนิดตามกฎหมายยังเป็นชาย รวมทั้งกรณีการเหยียดเพศที่มีความลื่นไหลในยุคสมัยใหม่ เช่น non binary. (ไม่เป็นทั้งสองเพศ ชายและหญิง) และ a sexual. หรือฝักใฝ่เพศใด เป็นต้น ที่สำคัญคือ การ bully. และใช้ความรุนแรงต่อ LGBTQ มีแนวโน้มที่มากขึ้น อย่างกรณีลูกนักการเมืองท่านหนึ่งที่ถูกทารุณกรรม เพราะมีพฤติกรรมเป็น LGBTQ. หรือเด็กนักเรียนถูกล้อว่าเป็นตุ๊ด จนเจ็บใจนำปืนมายิงเพื่อนเสียชีวิตก็มี
นอกจากนี้ ในส่วนของคณะกรรมการด้าน LGBTQ ของพรรค เตรียมหาทางผลักดันให้ sex toy ถูกกฎหมาย โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มที่ใช้เพื่อความบันเทิง กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มเพื่อการแพทย์และให้มีสวัสดิการด้านสุขภาพ สำหรับผู้ประกอบการและผู้ให้บริการด้านเพศในมิติต่างๆ เช่น ผู้ประกอบการสื่อด้านเพศทั้งผู้ผลิต ผู้แสดง รวมทั้งการเผยแพร่อาจพิจารณาหาทางนำเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์และสิทธิการเข้าถึงเฉพาะกลุ่ม ของสมาชิกแบบ netflix เท่านั้นมาประยุกต์ใช้ กรณีสุดท้าย คือ การจัดพื้นที่ห้องน้ำสาธารณะ all gender. ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของเพศชายและหญิงตรงในการเข้าร่วมกับผู้มีความหลากหลายทางเพศด้วย