ส.ส.พลังธรรมใหม่ หวัง 50:50 ศาล รธน.ตีความหาร 100 ขัดรัฐธรรมนูญ เชื่อ หากปรับแก้ต้องยุบสภา กลางมีนา 66 ชี้ หากยืดเยื้อไม่ทันหมดสมัยสภา รบ.ออก พ.ร.ก.เลือกตั้ง ส.ส.ได้ โต้ข่าวยักยอกเงินบริจาคเป็นเท็จ ปูดลูกพรรคถูกหลอก เป็นเครื่องมือล้มคนของนายกฯ
วันนี้ (25 พ.ย.) เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ร้องว่า สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 100 ขัดรัฐธรรมนูญในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ในฐานะผู้ร้องคาดหวังอย่างไร ว่า มีโอกาส 50:50 ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นชอบตามที่ร้อง แต่ตนเห็นว่า เมื่อสงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร หลังวันที่ 30 พ.ย.ถึงจะตัดสินได้ แต่ถ้าศาลตัดสินออกมาแล้วหาร 100 ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ สิ่งที่ร้องไปฟังไม่ขึ้น ก็ถือว่ากฎหมายลูกจะจบ ก็จะได้ระบบเลือกตั้งบัตรสองใบ หารด้วย 100 แต่ถ้าศาลเห็นด้วยกับคำร้องก็จะต้องฟังคำวินิจฉัย แล้วไปดำเนินการปรับแก้ตามที่ศาลฯวินิจฉัยมา อาจจะต้องถอยหลังมาแก้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ให้สอดคล้องกับการหาร 500 แต่คงไม่ถึงขั้นกลับมาแก้เป็นบัตรเลือกตั้งใบเดียว เพราะเป็นไปได้ยาก หรือไม่ต้องถอยมาแก้รัฐธรรมนูญแต่ไปปรับกฎหมายลูกตามคำวินิจฉัยของศาล เช่น ศาลวินิจฉัยว่ากระบวนการสภาล่ม 4 ครั้ง ขัดรัฐธรรมนูญ ศาลอาจจะสั่งให้ถอยหลังไปเร่ิมมาตราที่ 24 ต่อ ถ้าแบบนี้เราก็ไม่ต้องไปเริ่มต้นใหม่
เมื่อถามว่า หากศาลวินิจฉัยว่าหาร 100 ผิดรัฐธรรมนูญ ระยะเวลาในการแก้ไขจะทันเวลาก่อนหมดสมัยสภาหรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า อยู่ที่รัฐสภาจะตัดสินใจใช้เวลาแก้ไขมากน้อยแค่ไหน แต่ก็จะเกิดเป็นสองด้าน คือ ถ้าศาลวินิจฉัยว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญแสดงว่า หลังปีใหม่ รัฐบาลมีโอกาสยุบสภาได้ แต่ถ้าศาลวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ ต้องแก้ไขและเสนอกฎหมายลูกใหม่ ตรงนี้รัฐบาลจะยุบสภาได้ประมาณกลางเดือน มี.ค. 66 เพราะจะต้องมีเวลาแก้ไขกฎหมายลูกก่อน และถ้าเกิดกระบวนการยืดเยื้อ สมมติหากศาลให้ใช้วิธีการหาร 500 ปรากฏว่า มีคนไปยื่นร้องว่า หาร 500 ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 91 อีก ถ้าแบบนี้ก็เสร็จไม่ทันหมดสมัยสภาแน่นอน แต่ก็มีทางออก หากรัฐบาลจะยุบสภา ก่อนยุบสภาก็สามารถออกเป็น พ.ร.ก.เลือกตั้ง ส.ส.ได้ ดังนั้น สิ่งที่หลายคนกังวลว่าอาจทำให้รัฐบาลอยู่รักษาการยาวนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะต้องมีการเลือกตั้งตามกำหนดแน่นอน แต่จะออกเป็นพ.ร.ก.หรือเป็นไปตามศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต้องรอดูกันต่อไป
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าหาร 100 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จำนวน ส.ส.พึงมี จะมีปัญหาหรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า เรื่องนี้ซับซ้อน แต่หากศาลเห็นด้วยกับหาร 500 แสดงว่า หลักพึงมียังมีอยู่ แต่หาร 100 ส.ส.พึงมี ก็ไม่มีอยู่ ซึ่งพรรคที่ได้เปรียบคือพรรคใหญ่ เช่น พรรคเพื่อไทย จะมี ส.ส.เพิ่มประมาณ 25-30 คน โดยจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้น แต่ถ้าหาร 500 คะแนนตรงนี้ของพรรคเพื่อไทย จะไปอยู่กับพรรคก้าวไกล
นพ.ระวี ยังกล่าวถึงกรณีที่ลูกพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวหาว่า ยักยอกเงินบริจาคเข้าพรรคจำนวน 2.6 ล้านบาท ว่า เรื่องนี้ตนยังไม่รู้รายละเอียด รู้เพียงตามที่สื่อออกข่าวเท่านั้น ยืนยันว่า เป็นข้อเท็จ ถ้าจะมาร้องพรรคอื่นทุจริตสามารถทำได้ แต่สำหรับพรรคพลังธรรมใหม่ ที่ประกาศนโยบายคอร์รัปชั่น 0 เปอร์เซ็นต์ เป็นไปได้ยาก การมาร้องว่าตนยักยอกเงินบริจาคของพรรค ลองคิดดูว่าคนแบบตนแบบพลังธรรมใหม่ จะมายักยอกเงิน 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งทุกคนรู้ว่าเงินที่บริจาคให้พรรคมีระเบียบขั้นตอน ภายใน 15 วันต้องรายงาน กกต.และทำประกาศ และภายในพรรคก็มีกรรมการควบคุมดูแลอยู่
“ผมพร้อมให้ตรวจสอบ 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะตรวจสอบโดยคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คาดว่า กลุ่มคนเหล่านี้ จะเดินทางไปยื่นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก สิ่งสำคัญผมสงสารสมาชิกพรรคที่ถูกหลอกเป็นเครื่องมือทางการเมือง พูดสั้นๆงานนี้เป็นการเมืองขนาดใหญ่ที่ต้องการล้มคนของท่านนายกฯ ผมบอกได้แค่นี้ ยืนยันว่า ทุกอย่างในพรรคพลังธรรมใหม่โปร่งใสหมด ถ้าโอนเงินก็ต้องมีหลักฐานการโอนเงินจริง โอนเงินอะไรให้พรรค โอนเงินที่ยืมผม หรือโอนเงินที่ติดหนี้ผม มันเยอะมาก” นพ.ระวี กล่าาว
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า ยืนยันว่า พรรคพลังธรรมใหม่โปร่งใส แม้แต่จะขอเรี่ยรายเงินเข้าพรรคยังไม่กล้าทำเลย เพราะไม่รู้คือใคร หากมีเงินต่างชาติโอนมาเราก็ตาย จะตรวจสอบอย่างไร ดังนั้น สมาชิกที่บริจาคให้พรรคขึ้นตัวเลขชัดเจน ตนไม่เกี่ยวข้อง เพราะถ้าบริจาคต้องส่งให้เหรัญญิกพรรคดำเนินการ
