โรงแรมกะตะธานี ยื่น กก.จริยธรรมสภา เอาผิด “เสรีพิศุทธ์” พ่วง กมธ.ป.ป.ช.อีก 12 คน หลังไร้อำนาจรับเรื่องสอบโรงแรมกะตะธานี ก่อสร้างคร่อมคลองบางรัก แถมยังบิดข้อเท็จจริงแบบไร้หลักฐาน
วันนี้ (24 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายตฤณ แก่นหิรัญ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท กะตะธานี จำกัด แถลงข่าวถึงกรณีเข้าร้องเรียน พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ รวมถึง ส.ส.อีกหลายท่าน ที่ร่วมเป็นกรรมาธิการชุดดังกล่าว เช่น นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.พลังประชารัฐ, นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไท, นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.พรรคก้าวไกล, นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย, นายวิทยา ทรงคำ ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์, นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และ นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ โดยอาจประพฤติมิชอบและใช้อำนาจเกินหน้าที่ จึงขอให้คณะกรรมการจริยธรรมฯ ที่มี นายชวน หลีกภัย เป็นประธานตรวจสอบการทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.
นายตฤณ กล่าวต่อว่า กรรมาธิการทั้ง 13 คน ได้ร่วมกันพิจารณารับเรื่องร้องเรียนและสอบสวนกรณีโรงแรมกะตะธานี คร่อมคลองบางรัก และบุกรุกถนนสาธารณประโยชน์โดยไม่มีอำนาจ ทั้งที่ กมธ.ป.ป.ช. มีอำนาจเพียงการพิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับกระบวนการและมาตรการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ตามข้อ 82(22) แห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 เป็นกรณีเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น แต่กรรมาธิการทั้ง 13 คน กลับอ้างอำนาจหน้าที่ในฐานะคณะกรรมาธิการดำเนินสอบสวนเพื่อเอาผิด และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อบริษัท กะตะธานี จำกัด
“คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาและยืนยันว่า บริษัท กะตะธานี จำกัด ได้ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างคร่อมคลองบางรัก โดยอาศัยเพียงคำร้องเรียนบุคคล ซึ่งอ้างว่าเป็นประชาชนที่อาศัยในพื้นที่บริเวณหาดกะตะน้อย โดยปราศจากหลักฐานที่พิสูจน์ถึงการมีอยู่ของคลองบางรัก ทั้งที่ได้เรียกหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคลองบางรักหลายครั้ง แต่ไม่ปรากฏว่า มีหลักฐานทางราชการ หรือบุคคลใดสามารถยืนยันว่าคลองบางรักมีอยู่จริงหรือไม่ และอยู่ในบริเวณใด ทั้งนี้ ยังมีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน บิดเบือนข้อเท็จจริงทำให้บริษัท กะตะธานี จำกัด ได้รับความเสียหายอีกด้วย”
นายตฤณ กล่าวต่อว่า การกระทำของกรรมาธิการทั้ง 13 คน อาจเข้าข่ายฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา 172 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และฝ่าฝืนมาตรา 149 มาตรา 185 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และ ข้อ 82 (22) แห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551
“บริษัทขอให้กรรมการจริยธรรมพิจารณาและตรวจสอบการกระทำของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ทั้ง 13 คน และหากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ขอให้มีคำสั่งลงโทษ และดำเนินการตามกฎมาย เพื่อเป็นบรรทัดฐานและแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร และเพื่อมิให้มีการกระทำขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญต่อไป ซึ่งจากนี้จะมีการรวบรวมหลักฐานยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ต่อไป