วันนี้ (23 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.20 น. ที่รัฐสภา นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการตัดสินใจเลือกอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือย้ายไปพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็อยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า ยอมรับว่า เป็นทาง 2 แพร่ง ส่วนตัวหลังจากเลือกตั้งมาเกือบ 4 ปี ก็ผูกพันกับพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร ที่ดูแลสมาชิกเป็นอย่างดี และเราในฐานะส.ส.ภาคใต้ ยอมรับตั้งแต่ต้นว่า ที่ได้เข้ามาเป็น ส.ส.ก็เพราะกระแส พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งแรกได้ ส.ส. 13 คน และอีกครั้งจากการเลือกตั้งซ่อมอีก 1 คน เป็น 14 คน
“ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติจริง ก็คงไปกับ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องอ้อมค้อม ผมกับน้องชายที่เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ก็จะไปด้วย และผมได้โทร.ไปถาม ส.ส.สงขลา อีก 3 คน ก็พร้อมที่จะไปทำงานกับพล.อ.ประยุทธ์ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ยินดีที่จะไปร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ” นายสายัณห์ กล่าว
เมื่อถามว่า วานนี้ (22 พ.ย.) มีกระแสแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ของทั้งกลุ่ม พล.อ.ประวิตร และกลุ่ม พล.อ.ประยุทธ์ ได้โทรไล่เช็กชื่อ ส.ส.แต่ละคนว่าจะตัดสินใจอยู่กับใคร ได้รับโทรศัพท์บ้างหรือไม่ นายสายัณห์ กล่าวว่า ยอมรับว่าได้รับการประสานจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และได้แจ้งเจตจำนงความชัดเจนของตัวเองไปแล้วว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ อยู่พรรคพลังประชารัฐ ก็จะขออยู่พรรคพลังประชารัฐด้วย แต่ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจไป ก็จะขอติดตาม พล.อ.ประยุทธ์ ไปด้วย จึงได้เรียนกับ พล.อ.ประวิตร โดยตรง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้ว่าอะไร ต่อจากนี้ก็รอเพียงความชัดเจนทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์
เมื่อถามว่า หากย้ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ จะรักษาเก้าอี้ ส.ส.ในเขตพื้นที่ภาคใต้ได้หรือไม่ นายสายัณห์ กล่าวว่า ตนมั่นใจ เพราะเมื่อประเมินจากผลสำรวจความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ในพื้นที่ภาคใต้ ยังอยู่ที่ร้อยละ 25 อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า หากแยกกันทำงานการเมืองจะไม่เกิดปัญหาแข่งขันกันเอง ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับพรรครวมไทยสร้างชาติ
“ผมยังรักและเคารพ พล.อ.ประวิตร เหมือนเดิม รักเหมือนพ่อคนหนึ่งที่ได้ดูแลผมมา และได้ดูแล ส.ส.ภาคใต้ ทุกคน ผมขอหยิบยกคำกล่าวของ พล.อ.ประวิตร ที่เคยระบุว่า ชาตินี้จะไม่แยกจากกัน (กับ พล.อ.ประยุทธ์) จึงเชื่อว่า ทั้งคู่ก็ไม่ได้แยกจากกัน เพียงแต่มองการทำงานทางการเมืองแตกต่างกัน และทั้ง 3 ป.อาจคิดว่าทางเลือกนี้น่าจะดีที่สุด หลังจากบริหารประเทศมา 7-8 ปี” นายสายัณห์ กล่าว