xs
xsm
sm
md
lg

“โจชัว หว่อง” เข้าสิง เพจดัง ซัด “สามกีบ” ลามประท้วงผู้นำจีน “ปริญญา” ฟันธงสลายม็อบผิด “โบว์” จวกบางพรรค เห็นมวลชนเป็นเบี้ย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ม็อบประท้วงผู้นำหลายคนที่เข้าร่วมประชุมเอเปค ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก The METTAD
“เพจดัง” ชี้ ม็อบ “สามกีบ” ผสมโรง “ป่วนเอเปก” หนุน “ฮ่องกง” แบ่งแยกดินแดน โจมตีนโยบายจีนเดียว “ปริญญา” ชี้เปรี้ยง จนท.สลายการชุมนุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล “โบว์” จวก บางพรรคหวังผล เห็นมวลชนเป็นเบี้ย เดินหมากไปเพื่อให้ได้ภาพที่ต้องการ


ภาพ ม็อบเคลื่อนไหวย่านเยาวราช ประท้วงผู้นำจีน ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก The METTAD
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (19 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ภาพ การประท้วงผู้นำที่มาประชุมเอเปก พร้อมระบุว่า

“ไอ้ม็อบต่อต้าน apec
ไปแปะป้ายไล่ล่านั้น
ผู้นำต่างชาติหลายคน
สรุปคือ #สามกีบ
เป็นศัตรู ภูมิภาค เอเชีย ใช่ใหม?”

ภาพ ม็อบเคลื่อนไหวประท้องผู้นำจีน ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก The METTAD
ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ เนื้อข่าวจาก “ประชาไท” พร้อมระบุว่า

“กลุ่มล้มล้างเอเปก ... ไม่ใช่คนจีน แต่ไปยุ่งนโยบายการบริหารประเทศจีน... และไปปลุกระดมให้ฮ่องกงแบ่งแยกดินแดนจากจีน และไปหมิ่นประมาทผู้นำต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในการประชุม Apec ว่า เป็นเผด็จการ ... เห้อ!!! ยุยงหาเรื่องความขัดแย้งเข้าอาเซียนซะแล้ว...”

ภาพ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา แชร์ข่าว ที่ อ.ปริญญา ชี้ สลายการชุมนุม กลุ่มราษฎรหยุดเอเปก ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ใช้กระสุนยาง ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล

ระบุว่า วันที่ 19 พ.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า

“#การสลายการชุมนุม ที่แยกถนนดินสอในวันนี้ #ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ #ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยกเลิกไปแล้ว การสลายการชุมนุมในช่วงมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยต้องทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 เลย เนื่องจากมาตรา 3(6) บัญญัติยกเว้นไว้ว่าพระราชบัญญัติฉบับนี้ไม่ใช้บังคับกับ “การชุมนุมสาธารณะในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน”

ผศ.ดร.ปริญญา ระบุต่อว่า แต่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้ยกเลิกไปแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ ซึ่งจะสลายการชุมนุมได้ จะต้องดำเนินการตามมาตรา 21, มาตรา 22, มาตรา 23 และมาตรา 24 จนครบถ้วนก่อน ซึ่งสรุปขั้นตอนได้ดังต่อไปนี้

ผศ.ดร.ปริญญา ระบุอีกว่า #หนึ่ง ต้องแจ้งผู้ชุมนุมให้เลิกชุมนุมก่อน (ม.21 วรรคหนึ่ง) #สอง ถ้าผู้ชุมนุมไม่เลิกชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องไปร้องขอต่อศาลให้สั่งเลิกการชุมนุม (ม.21 วรรคสอง) #สาม ถ้าศาลเห็นว่าเป็นการชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และสั่งให้เลิกชุมนุม ก็ต้องไปปิดคำสั่งศาลและแจ้งให้ผู้ชุมนุมทราบ (ม.22 วรรคสี่)

ผศ.ดร.ปริญญา ระบุว่า #สี่ ถ้าผู้ชุมนุมไม่เลิกชุมนุมก็ให้ประกาศเป็น “พื้นที่ควบคุม” และกำหนดเวลาให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ (ม.23) #ห้า เมื่อกำหนดเวลาครบแล้วจึงจะถือว่าผู้ชุมนุม “กระทำผิดซึ่งหน้า” แล้วถึงจะดำเนินการจับกุมผู้ชุมนุมได้ (ม.24)

ผศ.ดร.ปริญญา ระบุด้วยว่า ดังนั้น แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะอ้างว่า ผู้ชุมนุมขออนุญาตใช้สถานที่ชุมนุมเฉพาะที่ลานคนเมือง การเดินไปสถานที่อื่นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้มีการแจ้งให้เลิกชุมนุมแล้ว แต่การจะการสลายการชุมนุมและจับกุมผู้ชุมนุมได้ จะต้อง #ไปขอคำสั่งศาลให้สั่งเลิกการชุมนุม จึงจะดำเนินการสลายการชุมนุมและจับกุมผู้ชุมนุมได้

การสลายการชุมนุมที่แยกถนนดินสอในวันนี้ จึงเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งยังมีการ #ยิงกระสุนยางโดยไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ที่สหประชาชาติกำหนดไว้ว่า #ต้องยิงต่ำเท่านั้น ไม่ใช่ยิงตัว หรือยิงตาเช่นนี้ แล้วก็ยังมีการ #ทำร้ายสื่อมวลชนที่ไปรายงานข่าวบาดเจ็บไปหลายคน ทั้งๆ ที่สื่อมวลชนที่ไปทำหน้าที่ได้ใส่ปลอกแขนสื่อ และแสดงตนว่าเป็นสื่อมวลชนแล้ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจลืมไปว่า ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินถูกยกเลิกไปแล้ว และดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ จะไปสลายการชุมนุม หรือจับกุมผู้ชุมนุมโดยไม่ทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะไม่ได้ ที่จับกุมไปก็ต้องปล่อยตัว จะอ้างเหตุว่าดูแลความปลอดภัยผู้นำประเทศต่างๆ ที่มา #ประชุมเอเปค ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะ #สถานที่จัดประชุมอยู่ห่างไปเป็นสิบกิโลเมตร

ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวต่อว่า การสลายการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในวันนี้ ผมเห็นว่า ควรจะต้องมีการดำเนินคดีให้เป็นคดีตัวอย่าง เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก แล้วควรต้องฟ้องนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะนายกรัฐมนตรี #เป็นผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ และเชื่อได้ว่ารู้เห็นหรืออาจจะเป็นผู้สั่งการด้วยซ้ำ

เพราะ #การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนายกรัฐมนตรีจะต้องเคารพ หากมีอะไรที่เกินเลยไปกว่ากฎหมาย ก็ต้องปฏิบัติกับผู้ชุมนุมตามกฎหมาย #มิใช่ใช้กำลังโดยผิดกฎหมายและเกินเลยไปเช่นนี้”

ภาพ ข้อความทวิตเตอร์ของ โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก The METTAD
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก The METTAD ยังแชร์ทวิตเตอร์ของ โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง พร้อมระบุว่า

“พรรคไหนครับ ถ้าป้าเป้าน่ะเพื่อไทยแน่นอน”

ทั้งนี้ รายละเอียดในทวิตเตอร์ของ โบว์ ณัฏฐา ระบุว่า “ถามว่าคนสติปัญญาปกติจะรู้หรือไม่ว่าการพยายามเคลื่อนมวลชนที่โกรธเข้าไปในพื้นที่ควบคุมความปลอดภัยผู้นำโลกระดับสูงสุด อาจจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง และเมื่อคาดการณ์ได้แล้วยังวางแผนและยืนยันที่จะทำแบบนั้นจะมีคำอธิบายอะไรได้ ถ้าไม่ใช่การเห็นมวลชนเป็นเบี้ย เดินหมากไปเพื่อให้ได้ภาพที่ต้องการ

“ปัญหาในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องที่ตั้งคำถามได้และดำเนินกระบวนการเอาผิดได้หากทำผิด แต่นักการเมืองที่ให้ท้ายการเคลื่อนไหวครั้งนี้มาแต่ต้นจะตีเนียนไม่พูดถึงปัญหาการจัดการการเคลื่อนไหวเลยไม่ได้ รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลการจัดประชุมให้ราบรื่นเรียบร้อย ปล่อยผู้ชุมนุมเข้าไปไม่ได้”

“และเมื่อมีการฝืนกติกากัน ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย ทั้งจากผู้ชุมนุมและจากเจ้าหน้าที่ และเป็นความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได้แต่ต้น เมื่อไม่เลี่ยง ก็ต้องถูกตั้งคำถามได้เช่นกันว่าเจตนาคืออะไร และเจตนาของพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องคืออะไร”

แน่นอน, ประเด็นสลายการชุมนุมม็อบป่วนเอเปค ที่ต่างฝ่ายต่างก็สะท้อนในมุมของฝ่ายตัวเอง เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า สังคม การเมืองไทยในเวลานี้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย

ทั้งเป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ถูกตีขนาบทั้ง “ม็อบ 3 นิ้ว” ซึ่งเคยเรียกร้อง ปฏิรูปสถาบันฯ และขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ พร้อม องคาพยพ คสช. พ้นจากอำนาจ

และม็อบการเมือง ทั้งฝ่ายแค้นและฝ่ายค้าน ที่ไม่ต้องการเห็นความสำเร็จของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต่อให้ประเทศ และประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดก็ตาม

แถมยังได้รับการหนุนหลังจากองค์กรต่างประเทศ ด้านสิทธิมนุษยชน ในการชุมนุมป่วนเอเปก อีกต่างหาก

ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุม หรือ ม็อบ ก็ยังเป็นคน “กลุ่มเดิม” ส่วนใหญ่ ที่เคยปะทะกับ คฝ. และก่อความรุนแรงมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเกิดความรุนแรงซ้ำอีก และทุกคนสามารถคาดหมายได้อยู่แล้ว

นั่นทำให้ความเห็นของ “โบว์ ณัฏฐา” มีเหตุมีผล และน่าคิดอย่างมาก โดยเฉพาะ ที่สื่อถึงบางพรรคอยู่เบื้องหลัง ทำนองว่า “ความรุนแรงสามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าต้องการหลีกเลี่ยง แต่ไม่หลีกเลี่ยง” ใครยังไม่เข้าใจก็ลองอ่านหลายๆ รอบ


กำลังโหลดความคิดเห็น