MGR Online - โฆษก กอ.ร่วมฯ ย้ำ จำเป็นต้องสลายการชุมนุมม็อบราษฎรหยุด APEC 2022 เหตุผู้ชุมนุมฝ่าฝืนออกนอกพื้นที่ ยืนยันทำตามยุทธวิธีทุกขั้นตอน เผย ผบ.ตร.เสียใจสื่อมวลชนบาดเจ็บจากเหตุปะทะ สั่งฝ่ายกฎหมายตรวจสอบปมโพสต์ตั้งค่าหัว คฝ.
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมเอเปก 2565 (โฆษก กอ.ร่วมฯ) กล่าวถึงภาพรวมการดูแลการชุมนุมเรียกร้องในช่วงการประชุมเอเปก และมีการปะทะกันที่ถนนดินสอ วานนี้ ว่า ยืนยันว่า ตำรวจปฏิบัติตามขั้นตอนและยุทธวิธีในการสลายการชุมนุม เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามจะเคลื่อนขบวนออกจากพื้นที่ที่กำหนดไว้ ซึ่งผิดเงื่อนไข และตำรวจก็ได้แจ้งเตือนด้วยเครื่องขยายเสียงอยู่ตลอดเวลา แต่กลุ่มผู้ชุมนุมกลับใช้ลวดสลิงขึง เพื่อดึงทำลายแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ รวมถึงมีการทำร้ายร่างกายและขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งที่ผ่านมา ตำรวจพยายามหลีกเลี่ยงการใช้กำลังมาโดยตลอด แต่สถานการณ์ในขณะนั้น ตำรวจจำเป็นต้องเข้ายับยั้งตามยุทธวิธีหรือเหตุการณ์ ซึ่งหน้าที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับลำดับการใช้ยุทธโธปกรณ์ หรือระยะเวลาการควบคุมสถานการณ์ แต่ขึ้นอยู่กับความอันตรายของสถานการณ์ ณ เวลานั้น เช่น มีการใช้ท่อนไม้ตีประชิดตัวเจ้าหน้าที่ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อุปกรณ์เพื่อระงับเหตุ เป็นต้น
ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนและผู้ร่วมชุมนุมได้รับบาดเจ็บ พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ และร่องรอยบาดแผลว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรแล้ว และยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย พร้อมระบุว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เสียใจต่อกรณีที่สื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเมื่อวานนี้ และไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมา ก็มีการกำหนดแนวทางในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด
ส่วนกรณีที่แกนนำผู้ชุมนุมบางคนโพสต์ประกาศตั้งค่าหัว ให้รางวัล 1 หมื่นบาท กับประชาชนที่มีเบาะแสตำรวจควบคุมฝูงชนที่ปรากฏภาพยิงกระสุนยาง หรือทำร้ายประชาชน พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ภาพดังกล่าวไม่ใช่เหตุการณ์ที่ถนนดินสอเมื่อวานที่ผ่านมา แต่เป็นภาพเก่าที่เกิดขึ้นในการชุมนุมครั้งก่อนหน้านี้ แต่ตำรวจก็ยังไม่ทราบว่าเป็นภาพจากเหตุการณ์ช่วงเวลาใด ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หารือกับฝ่ายกฎหมายตรวจสอบโพสต์ดังกล่าวแล้วว่า จะเข้าข่ายโพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จ ยั่วยุ หรือทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ หากเข้าข่ายก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมฝากถึงประชาชนให้ใช้ดุลพินิจในการติดตามข่าวสารต่างๆ