“เพจดัง” สงสัยใครอยู่เบื้องหลัง “แก๊งมังกรจีน” โหนเจ้า แถมเช่าตึกหรูตระกูลชินวัตร ติดกับ “วอยซ์ทีวี” แต่เงียบกริบ “หมอวรงค์” ซัด “อุ๊งอิ๊ง” ไม่ช่วย “เอเปก” ดีแต่โชว์พ่อข่ม “รบ.” “อัษฏางค์” จี้ จัดการ “ไทยพีบีเอส”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (16 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ภาพข่าว กรณีตำรวจ ตม. เข้าตรวจค้น จับกุม “แก๊งมังกรจีน” พร้อมข้อความระบุว่า
“#เรื่องนี้ต้องขยายผล ยังไงหนอ ตึกอดีต ม.ชินวัตร
กลายเป็นที่ตั้งสมาคมฯของแก๊งมังกรจีน
- หลังจาก ตม.ออกปฏิบัติการกวาดล้างและจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับและบุคคลเฝ้าระวัง ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก 2022
- จนพบข้อมูลบัตรประชาชนคนไทยคนหนึ่งมีหน้าตาตรงกับชาวต่างชาติ ใช้พาสปอร์ต 2 เล่ม จึงเชื่อว่าเป็นการสวมบัตรประชาชน และนำกำลังเข้าจับกุม
- พบผู้ต้องสงสัย เป็น “ชาวจีน” ชื่อว่า “เส้า เสี่ยวปอ” สวมบัตรประชาชนคนไทย เช่าตึกตกแต่งสุดหรูในย่านสุทธิสาร แถมติดภาพผู้นำโลกสร้างความน่าเชื่อถือในการเข้ามาทำธุรกิจ แถมใช้รถติดธงประจำชาติคล้ายรถสถานทูต มีรถตำรวจนำขบวน เชื่อเป็นรถปลอม
- หลังจากนั้น ตม.นำกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนำหมายค้นศาลอาญา ที่ 1228/2565 ลงวันที่ 8 พ.ย. 65 ปิดล้อมตรวจค้นภายในอาคารบีบีดี ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. หลังสืบทราบว่าสถานที่ดังกล่าวมีบุคคลสัญชาติจีนสวมบัตรประชาชนคนไทย โดยตามข่าวระบุว่า แก๊งมังกรจีน ได้มาเช่าตึกบีบีดี ตั้งสมาคมฯ
- มีการพบอาวุธปืน ชุดเครื่องแบบสวนสนามราชวัลลภ (ปลอม) ที่มีชื่อนาย เส้า เสี่ยวปอ รวมทั้งป้ายหน้าอาคาร ระบุว่า เป็น สมาคมพ่อค้าไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งข้อมูลจากคลังสารสนเทศของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พบเอกสารราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 พบว่า มีการระบุที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสมาคม เลขที่ 150/1 ถนนราชบพิธ แขวงราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นคนละที่กับอาคารที่ตำรวจเข้าตรวจค้นจับกุมนายเส้า เสี่ยวปอ แล้วพบรถสถานทูตปลอม ซึ่งเป็นอาคารตั้งอยู่ริมถนนวิภาวดีรังสิต ย่านสุทธิสาร
- อย่างไรก็ตาม ในเอกสารระบุอีกว่า “สมาคมอาจมีสาขาสมาคมในราชอาณาจักรได้โดยไม่จำกัดจำนวน” หมายความว่า อาคารย่านสุทธิสารที่ตำรวจตรวจค้น มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเป็นสาขาของสมาคมดังกล่าว แต่ประเด็นนี้ยังต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการจากตำรวจ
- เบื้องต้นตำรวจจะดำเนินคดีตามหมายจับข้อหาแจ้งความเท็จฯ และปลอมบัตรประชาชน และหลังจากนี้ ตำรวจจะขยายผลตรวจสอบของที่พบทั้งหมด หากพบว่าเข้าข่ายความผิดเพิ่มเติม ก็จะมีการแจ้งข้อหาภายหลังต่อไป
- อาคารบีบีดี เป็นที่ตั้งของ วอยซ์ทีวี และ มหาวิทยาลัยชินวัตร (ของตระกูลชินวัตร) โดยตึกเก่า ที่เคยเป็น ม.ชินวัตร ถูกแปลงสภาพกลายเป็น สมาคมพ่อค้าไทยฯ ของนาย เส้า เสี่ยวปอ ส่วน วอยซ์ทีวี จะอยู่ตึกข้างๆ กัน
- อาคารบีบีดี เกี่ยวข้องยังไงกับตระกูลชินวัตร ก็พบว่า เป็นอาคารให้เช่าที่อยู่ในเครือธุรกิจของ บรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมของ พจมาน ชินวัตร นั่นเอง
( https://www.isranews.org/conten.../item/30125-ban_30125.html )
- ส่วน ม.ชินวัตร นั้น ตระกูลชินวัตร ได้ขายกิจการไปแล้ว เพราะเจ๊ง ขาดทุน โดย รายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ซึ่งออกอากาศไป เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2563 นำเสนอเรื่องเบื้องลึกกรณีตระกูล ชินวัตร ตัดสินใจขาย มหาวิทยาลัยชินวัตร ให้กับ กลุ่มทุนจีน ที่เข้ามาลงทุนมหาวิทยาลัยเอกชนในเมืองไทยมาแล้วหลายที่ เพราะ ขาดทุนติดต่อกันหลายปี จนต้องควักทุนส่วนตัวไปปีละกว่า 80 ล้านบาท สุดท้ายจึงตัดสินใจขายทิ้ง และนำเงินทุนไปอุดหนุนให้กับสถานีโทรทัศน์ วอยซ์ ทีวี ดีกว่า
( https://www.youtube.com/watch?v=EEQ1rMPD6cQ )
- ม.ชินวัตร ตอนนี้ยังไม่ปิด ตัวมหาลัยที่ปทุมธานียังอยู่ แต่ถูกชินวัตรขายให้กับทุนจีนไปเรียบร้อย ส่วน ตึกบีบีดี ข้างๆ นั้นก็ยุบเลิก แล้วไปรวมที่ปทุมธานีแทน
( https://www.facebook.com/keeradit2011 )
- เมื่อยุบเลิกมหาลัยแล้ว ก็เอาอาคารบีบีดี ตึกนั้น ปล่อยเช่าให้กับแก๊งมังกรจีน ที่กำลังตกเป็นข่าวโดนจับกุมและสอบสวนอยู่นั่นเอง
- เรียกได้ว่า ขายมหาลัยให้ทุนจีน แล้วปล่อยตึกให้ทุนจีนเช่า ตามกฎหมายที่พรรคไทยรักไทยเคยออกไว้เมื่อปี 45 😂😂😂😂😂
- แต่ การปล่อยให้แก๊งมังกรจีน สวมบัตรประชาชนปลอม เข้ามาเช่าตึก แล้วตั้งสมาคมฯ ทำตัว โหนสถาบันฯ โดยที่วอยซ์ทีวี ที่อยู่ติดกัน เงียบกริบ ไม่รู้ไม่ชี้ซักแอะ มันเป็นไปได้อย่างไร
- หรืองานนี้ มีนอกมีใน ใครเป็นแบ็กอัพให้แก๊งมังกรจีน ถึงได้ตั้งหลักปักฐานกันสะดวกโยธินพัฒนากันแบบนี้หนอ
--------------------------------------------
- สตม.ตรวจค้นบ้านนายทุนจีนรายใหญ่ย่านคูคต สวมบัตรคนไทย ตะลึง! หน้าบ้านจำลองรถไฟไฮสปีดเทรน
https://mgronline.com/crime/detail/9650000107685
- รวบ “เสี่ยว ปอ” จีนสวมบัตรปชช.คนไทย ใช้รถติดธงคล้ายรถสถานทูต-มีรถนำขบวน
https://www.naewna.com/local/691151
- รวบนายทุนจีนคาสมาคมพ่อค้าไทย สวมรอยบัตร ปชช.คนไทย
https://mgronline.com/crime/detail/9650000107205
- ตร.ยังไม่พบนายทุนจีน เชื่อมโยงสมาคมพ่อค้าไทย เตรียมเรียกสอบเพิ่ม
https://www.pptvhd36.com/news/อาชญากรรม/184532
ขณะเดียวกัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom ระบุว่า
“#ช่วยกันรับแขกบ้านแขกเมืองกันก่อน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า เมื่อ 19 ปีที่แล้ว รัฐบาลไทยรักไทยใช้เอเปก เป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศ แถมพยายามเกทับรัฐบาลนี้ ถึงการทำข้อตกลงที่ประชาชนคนไทยทุกคนจะได้รับผลประโยชน์
ผมคิดว่า หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แทนที่จะมาคุยโม้โอ้อวด แทนนายทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีทุจริต จนถึงเวลานี้ยังไม่มีสำนึก ถึงความผิดตนเอง น่าจะออกมาเรียกร้อง ม็อบราษฎรหยุด Apec 2022 มาช่วยกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี ไม่ใช่มัวแต่มาสร้างความวุ่นวาย เพื่อทำให้ประเทศชาติเสียหาย
หลังจากร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีแล้ว ผลที่ออกมาเป็นอย่างไร ค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์ ขออย่างเดียวช่วงนี้ มาช่วยกันสร้างบรรยากาศ รับแขกบ้านแขกเมือง ให้ชาวต่างชาติประทับใจคนไทยก่อน
ส่วนที่คุยโม้ถึงผลงาน นายทักษิณในสมัยก่อน บอกก่อนว่า อีกไม่นาน ป.ป.ช.จะชี้มูลคดีมหากาพย์การโกงทั้งตระกูล ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ นั่นคือ จำนำข้าวภาคสอง ช่วยบอกนายทักษิณพูดถึงเรื่องนี้ด้วย เพราะขนาดเอเปกครั้งที่แล้วยังจำได้ แต่โกงจำนำข้าวภาคสอง ทำเป็นลืม ควรจะต้องพูดถึงบ้างครับ”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ของนายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์จดหมายถึงนายกฯ ระบุว่า
“เรียน ท่านนายกรัฐมนตรีหรือท่านรัฐมนตรีต้นสังกัด
สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รายงานข่าวคลาดเคลื่อนหรือบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงบ่อยครั้งในรอบหลายปี เพราะอะไรกันแน่
ผมขออนุญาตตั้งข้อสังเกต
ทำไมท็อปนิวส์ บลูสกายแชนแนล ไทยโพสต์ ผู้จัดการ สยามรัฐ แนวหน้า ฯ ถึงไม่เคยผิดพลาดซ้ำซากเหมือนอย่างไทยพีบีเอส
ทุกครั้งเมื่อท็อปนิวส์ บลูสกายแชนแนล ไทยโพสต์ ผู้จัดการ สยามรัฐ แนวหน้า ฯ ได้รับข่าวสารซึ่งอาจสร้างความเสื่อมเสียหรือเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐบาล หรือหน่วยงานราชการ
สำนักข่าวดังกล่าวเหล่านั้น จะตั้งข้อสังเกตหรือสมมติฐานเบื้องต้นก่อนว่า ข่าวที่ได้รับดังกล่าวนั้นอาจคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง
เพราะไม่มีอคติและไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล หน่วยงานราชการหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงไม่เชื่อในทันทีว่า รัฐบาลหรือหน่วยงานราชการจะจงใจกระทำความผิด ทำให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมจนได้รับความกระจ่าง
ในขณะที่ เมื่อไทยพีบีเอสได้รับข่าวสารซึ่งอาจสร้างความเสื่อมเสียหรือเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐบาลหรือหน่วยงานราชการแล้วจะรายงานข่าวนั้นทันที โดยไม่มีการตั้งข้อสังเกตก่อนว่าข่าวที่ได้รับอาจมีความคลาดเคลื่อน เพราะมีอคติหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลหรือสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หรือไม่ อย่างไร
ทุกครั้งหลังจากรายงานข่าวที่สร้างความเสียหายต่อรัฐบาล หน่วยงานราชการหรือแม้แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ ไทยพีบีเอสจะออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วย “คำขอโทษ” พร้อมคำชี้แจง (หรือข้อแก้ตัว) ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลายต่อหลายครั้ง
จากการรายงานข่าวเรื่องล่าสุด นอกจากสร้างความเสียหายต่อรัฐบาลแล้ว ยังสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอีกด้วย
ดังนั้น ต้องถึงเวลาที่ผู้อำนวยการ กรรมการบอร์ด หัวหน้าข่าวและผู้สื่อข่าวที่เกี่ยวข้อง ต้องแสดงความรับผิดชอบ “ด้วยการขอลาออกหรือให้ออก” เสียที
มิเช่นนั้น จะมีการแสดงความรับผิดชอบด้วย “คำขอโทษ” พร้อมคำชี้แจง (หรือข้อแก้ตัว) ต่อไปไม่มีจบสิ้น
รวมทั้งตั้งกรรมการตรวจสอบ สอบสวน ว่าไทยพีบีเอสมีอคติหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล หน่วยงานราชการ หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือไม่ อย่างไร
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
อัษฎางค์ ยมนาค
ในนามประชาชนทุกคนที่เสียภาษีบำรุงสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การขยายผลสืบสวนสอบสวน “แก๊งมังกรจีน” ที่ดูเหมือน จะเข้ามาปักหลักอยู่ในประเทศไทย อย่าง มั่นคง และเหิมเกริม ถึงขั้นกล้า โหนสถาบันฯ แถมใช้รถติดธงประจำชาติคล้ายรถสถานทูต มีรถตำรวจนำขบวน ซึ่งเชื่อว่า ทำปลอมขึ้นมา
เพราะการที่จะทำเช่นนี้ได้ น่าจะมีคนไทยให้ความร่วมมือ หรือช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง และหรือมีผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งด้วย
และที่น่าสนใจไปกว่านั้น ก็คือ มีการตั้งข้อสังเกตว่า “แก๊งมังกรจีน” ที่ว่านี้ ยังอยู่ติดกับสำนักงานของ “วอยซ์ทีวี” ซึ่งเป็นสื่อดังแห่งหนึ่ง และเป็นที่รู้กันว่า เจ้าของก็คือ “ทักษิณ” นั่นเอง แต่ปรากฏว่า การเคลื่อนไหวของ “แก๊งมังกรจีน” ดังกล่าว ไม่ได้เป็นที่ผิดสังเกต หรือ สะดุดตา “วอยซ์ทีวี” เลยแม้แต่น้อย? เพราะไม่มีอะไรในก่อไผ่มาตลอด จนกระทั่งตกเป็นข่าวอื้อฉาว
เรื่องนี้ มีคนเห็นว่า “ต้องขยาย” เช่นกัน!?