รวบนายทุนจีนคาสมาคมพ่อค้าไทย สวมรอยบัตร ปชช.คนไทย

รอง ผบ.ตร.นำกำลังตำรวจ สตม.บุกค้นอาคารสมาคมพ่อค้าไทย จับกุมชาวจีนลักลอบสวมรอยบัตรประชาชนใช้ชื่อคนไทย

วันนี้ (9 พ.ย.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. นำกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนำหมายค้นศาลอาญา ที่ 1228/2565 ลงวันที่ 8 พ.ย. 65 ปิดล้อมตรวจค้นภายในอาคารบีบีดี ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. หลังสืบทราบว่าสถานที่ดังกล่าวมีบุคคลสัญชาติจีนสวมบัตรประชาชนคนไทย

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ให้เช่าสูง 5 ชั้น เป็นอาคารของสมาคมพ่อค้าไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เช่าทำการทั้งตึก โดยที่ชั้น 5 เป็นห้องทำงานของผู้บริหารสมาคม และห้องประชุม เจ้าหน้าที่นำหมายจับเข้าจับกุม นายเส้า เสี่ยวปอ อายุ 54 ปี สัญชาติจีน ได้ที่ห้องทำงานขั้น 5 ของผู้ต้องหาถูกตกแต่งอย่างหรูหรา

พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจระดมกวาดล้างและจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับและบุคคลเฝ้าระวังตามมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก 2022 จนพบข้อมูลบัตรประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่มีหน้าตาตรงกับชาวต่างชาติที่ใช้พาสปอร์ต 2 เล่ม เชื่อว่าเป็นการสวมบัตรประชาชน สืบสวนพร้อมนำกำลังเข้าจับกุม อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างว่า ไม่มีบัตรประชาชนที่เป็นการสวมรอยชื่อคนไทย ซึ่งเคยมีคนมาแนะนำให้ทำ แต่ว่าตนเองไม่ได้ทำ ส่วนที่อาคารนี้ก็ไม่ได้เดินทางมานานแล้ว เมื่อตำรวจซักถามว่า การเดินทางมาที่มีรถตำรวจเป็นรถนำ จัดหามาจากไหน ผู้ต้องหาตอบแค่ว่าเพื่อนแนะนำให้

ขณะที่ พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ผู้ต้องหาอ้างว่าจะเข้ามาทำธุรกิจในไทย จึงเข้าร่วมสมาคมดังกล่าว 3-4 ปีแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มธุรกิจ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าผู้ต้องหามีความเกี่ยวข้อง หรือดำรงตำแหน่งใดในสมาคม โดยจะต้องมีการตรวจสอบรายชื่อกับทางสมาคมอีกครั้ง นอกจากนี้ในการตรวจค้นยังพบชุดลักษณะคล้ายเครื่องแบบทหารที่มีเข็มกลัดชื่อของผู้ต้องหา รวมถึงรถของผู้ต้องหาก็เป็นรถติดธงประเทศไทยและจีนทั้ง 2 ฝั่ง คล้ายกับรถของสถานทูต และยังมีรถตำรวจนำขบวนอีก 1 คัน ซึ่งหลังจาก รอง ผบ.ตร.ตรวจสอบทะเบียนด้วยสายตาแล้ว คาดว่า เป็นทะเบียนรถปกติ ไม่ใช่รถของสถานทูตแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าเป็นการพยายามทำให้ดูเหมือนรถของสถานทูตเท่านั้น ส่วนรถตำรวจก็น่าจะเป็นรถปลอม นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนตั้งโชว์ตามโถงทางเดินอีก 6 กระบอก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นปืนบีบีกัน

เบื้องต้นตำรวจจะดำเนินคดีตามหมายจับข้อหาแจ้งความเท็จฯ และปลอมบัตรประชาชน และหลังจากนี้ ตำรวจจะขยายผลตรวจสอบของที่พบทั้งหมด หากพบว่าเข้าข่ายความผิดเพิ่มเติม ก็จะมีการแจ้งข้อหาภายหลังต่อไป