นายกฯ เปิดและทดลองใช้สถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT ณ ทำเนียบรัฐบาล เดินหน้าขับเคลื่อนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในหน่วยงานราชการ พร้อมยกระดับการเปลี่ยนผ่านยานยนต์ไฟฟ้าให้เป็นวาระแห่งชาติ
วันนี้ (15 พ.ย.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (15 พ.ย.) เวลา 08.40 น. ณ บริเวณลานจอดรถ ตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดและทดลองใช้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ดำเนินการจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT จำนวน 1 สถานี ประกอบด้วย เครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรง 1 เครื่อง และเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสสลับ 2 เครื่อง สำหรับเป็นสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 ซึ่งจะให้บริการการอัดประจุไฟฟ้าแก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน และผู้มาติดต่อราชการ ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นตัวอย่างในการสนับสนุน ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในหน่วยงานราชการ รวมทั้งยกระดับการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ EV ให้เป็นวาระแห่งชาติตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ซึ่ง นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำเยี่ยมชม โดยมีนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงกระทรวงพลังงาน และสื่อมวลชนเข้าร่วมด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ตัดริบบิ้นเพื่อเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT ณ ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกล่าวย้ำถึงการเปิดและทดลองใช้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT ว่า เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่ได้มอบหมายให้คณะรัฐมนตรีและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนต่างๆ ร่วมกันดำเนินการขับเคลื่อนเพื่อไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ เพื่อลดภาวะโลกร้อนตามนโยบายรัฐบาลและสอดคล้องกับนโยบายของทั่วโลกในขณะนี้ โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนเพื่อไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ร่วมกัน ทั้งนี้ การดำเนินการขับเคลื่อนไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทย คาดว่า จะเป็นแบบอย่างในประเทศอาเซียนได้ เพราะไทยได้มีการส่งเสริมสนับสนุนดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังในหลายมาตรการ ซึ่งทุกภาคส่วนในสังคมต่างให้ความร่วมมืออย่างดีรวมถึงผู้ประกอบการต่างๆ ที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ การประกอบต่างๆ และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจร ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนเรื่องรถไฟฟ้าในประเทศไทยมากขึ้นในอนาคต โดยขณะนี้หลายบริษัทในต่างประเทศต่างให้ความสนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทยซึ่งจะส่งผลให้เกิดการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถไฟฟ้าที่สำคัญในอาเซียนและของโลกต่อไปด้วย
นายกรัฐมนตรีขอบคุณ กฟผ. และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้นำนโยบายรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติจนเกิดผลเป็นรูปธรรม และเป็นแบบอย่างในการสนับสนุน ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในหน่วยงานราชการและภาคส่วนอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการดำเนินการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่เพื่อสามารถรองรับการบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพียงพอ โดยจะขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้มากขึ้นทั่วประเทศ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนทุกภาคส่วนช่วยกันไปสู่เป้าหมายที่กำหนด ทั้งนี้ ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นและหลากหลายราคาเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องของประชาชนแต่ละกลุ่มและให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ตามศักยภาพของแต่ละคน
ทั้งนี้ สถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT ณ บริเวณลานจอดรถอาคารตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล เป็นสถานีลำดับที่ 69 ของประเทศไทย และเป็นสถานีลำดับที่ 3 ของหน่วยงานราชการ ซึ่งสามารถให้บริการชาร์จได้ 4 ช่องจอด ประกอบด้วย 1. เครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จด้วยความเร็วปกติ AC Normal Charge ขนาด 22 kW 2 ช่องจอด สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มได้ใน 2-3 ชั่วโมง และ 2. เครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จเร็ว DC Fast Charge ขนาด 60 kW 2 ช่องจอด สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มได้ประมาณภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเครื่องชาร์จ Wallbox รุ่น Supernova ที่ได้รับการออกแบบพิเศษ ตกแต่งลวดลายสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยระยะเวลาการชาร์จนั้นขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้านั้นด้วย สถานีดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคคมนาคมขนส่งอย่างจริงจัง อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมพร้อมรองรับการให้บริการแก่ยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ในการต้อนรับผู้นำประเทศที่เดินทางมาร่วมประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (APEC 2022) ระหว่างวันที่ 16-19 พฤศจิกายนนี้