xs
xsm
sm
md
lg

“สมคิด” แนะ “ก.ต่างประเทศ” ปั้นสคริปต์ส่ง “ประยุทธ์” ย้ำ “ไทย” ผู้นำภูมิภาคบนเวทีเอเปก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สมคิด” ย้อนสัมพันธ์ไทย-จีน แนบแน่นฝีมือคนรุ่นก่อน ฝากคนรุ่นนี้-รุ่นใหม่สานต่อ พร้อมบาลานซ์สัมพันธ์สหรัฐฯ กระตุก รบ.ใช้เวทีเอเปกโชว์ความเป็นผู้นำอาเซียน อย่าปล่อยให้เวทีที่กัมพูชา-อินโดฯ ขโมยซีน ฝาก 3 การบ้านไม่ให้หลุดสายตา “พี่ใหญ่จีน” วอนทุกฝ่ายเลิกขัดแย้งสีเสื้อ ร่วมมือตั้ง รบ.ที่ดีที่สุด ก่อนหลุดวงโคจรเวทีโลก

วันนี้ (14 พ.ย.) ที่โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน สี่พระยา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ความสัมพันธ์ไทย-จีน ในบริบทโลกที่เปลี่ยนไป” ซึ่งจัดโดยสมาคมวิเทศพาณิชย์ไทย-จีน โดยมีนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีนเข้าร่วมรับฟัง


ช่วงต้น นายสมคิด เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นของการกระชับความสัมพันธ์ไทย-จีน ว่า คนส่วนใหญ่คิดว่า ไทย-จีน สนิทแนบแน่นเป็นพี่น้องกันมาอย่างยาวนาน แต่ความเป็นจริงไม่ได้ง่าย ที่แน่นแฟ้นขนาดนี้ มาจากความพยายามและกำลังจากคนรุ่นก่อนที่ช่วยสร้างและรักษาความสัมพันธ์นี้ให้เกิดขึ้น โดยเมื่อปี 2518 ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เดินทางไปกระชับความสัมพันธ์ไทย-จีน ซึ่งเวลานั้นจีนคือคู่อริของไทย ไม่อยู่ในฐานะมิตรประเทศตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เพราะตอนนั้นต้องยอมรับว่า ไทยอิงกับทางสหรัฐอเมริกาตลอด และอเมริกาถือว่าจีนเป็นคู่ต่อกรอันดับต้นๆ ก็หมายความว่า ประเทศเล็กๆ ทั้งหลายที่รับความช่วยเหลือและความสัมพันธ์กับอเมริกา ต้องเดินตามทั้งสิ้น แต่เมื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ไปพบประธานาธิบดีจีน ถือเป็นการเปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตรทันที

นายสมคิด เล่าต่อว่า ส่วนตนช่วงที่เริ่มเข้ามาทำงานการเมือง ก็เริ่มผูกมิตรกับประเทศจีน และผลักดันให้มีการตั้งคณะกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน ซึ่งจะสลับกันเป็นเจ้าภาพจัดประชุมทุกปี แต่น่าเสียดายที่เมื่อตนพ้นจากตำแหน่ง การประชุมคณะกรรมการดังกล่าวก็น้อยลงมาก จนคนเริ่มไม่รู้จักกัน กระทั่งกลับมาร่วมคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มาฟื้นคณะกรรมการขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ขอให้สานต่อโครงการรถไฟความเร็วสูง one belt one road ของจีนที่เส้นทางยังไม่มาเชื่อมต่อกับประเทศไทย


นายสมคิด ระบุด้วยว่า สิ่งที่มีความสำคัญกับประเทศไทยในอนาคต ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นความสัมพันธ์ไทย-จีน ในบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ตามแบบพี่น้อง ซึ่งความสำเร็จเกิดขึ้นได้จนถึงวันนี้ เกิดจากความพยายามของคนรุ่นก่อนที่ช่วยกันสร้างและรักษาความสัมพันธ์เหล่านี้ให้แน่นแฟ้น ถ้าคนรุ่นต่อไปสามารถสานความสัมพันธ์นี้ต่อไปได้ก็จะมีคุณูปการสูงมากกับประเทศไทย เพราะจีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย ขยับทีเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าเราไม่ติดตามหรือกระชับความสัมพันธ์ หรือถ้าเราไม่มีความสำคัญในสายตาของจีน อนาคตเราอาจจะสู้เพื่อนบ้านไม่ได้

“ผมห่วงความสัมพันธ์ไทย-จีน ในบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งไม่อยากให้บกพร่อง หากเรารุ่นนี้และรุ่นต่อไปสานความสัมพันธ์ต่อจะมีคุณูปการต่อไทยสูงมาก” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด ยังได้กล่าวฝากถึงรัฐบาลในห้วงที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก 2022 ด้วยว่า ในรอบสัปดาห์นี้ มีการประชุมที่สำคัญมากมาย ทั้งการประชุม COP27 การประชุมสุดยอดอาเซียน ที่ประเทศกัมพูชา และอีกไม่กี่วันการประชุม G20 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งทั้ง 2 เวทีนี้ ถือว่าสำคัญที่สุดในภูมิภาคนี้ ไม่มีเวทีไหนไม่เกี่ยวกับประเทศจีน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และอนาคต เมื่อประเทศจีนขยับถือเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเราไม่ติดตาม ไม่กระชับความสัมพันธ์ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เราอาจไม่มีความสำคัญในสายตาจีน ดังนั้น ประเทศไทยต้องใช้เวทีการประชุมเอเปก ในการประกาศความเป็นผู้นำอาเซียน เพื่อให้ประเทศไทยยังอยู่ในสายตาของจีนที่เป็นประเทศมหาอำนาจโลก


นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ในการประชุมสุดยอดอาเซียน สมเด็จฮุนเซน กลายเป็นพระเอก ที่พูดถึงอนุภูมิภาคนี้กำลังถึงทางแยกที่พบความไม่แน่นอนที่สุด ชีวิตคนเป็นล้านคนขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ ปัญญาผู้นำในภูมิภาค พูดง่ายๆ คือ ชวนให้ผู้นำมาคุยกัน ประโยคนี้ไม่น่าใช่สมเด็จฮุนเซนเป็นคนพูด แต่เพราะกำลังชิงความเป็นผู้นำอาเซียน และอีก 2-3 วัน ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด จะเป็นประธานการประชุม จี-20 ซึ่งในฐานะที่อินโดนีเซียรับมอบการเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ก็ต้องสร้างภาพความเป็นผู้นำอาเซียนเช่นกัน ไทยเองก็ต้องไม่ปล่อยให้จุดไคลแม็กซ์ไปอยู่ที่การประชุม G20 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนเวทีเอเปกที่ประเทศกลายเป็นว่า ผู้นำประเทศต่างๆ แวะมากินข้าวเย็นเท่านั้น จึงจำเป็นที่ประเทศไทยต้องแสดงความเป็นผู้นำของภูมิภาคผ่านเวทีเอเปกด้วย

“กระทรวงการต่างประเทศของไทย ต้องไปคิดข้อความให้นายกฯ ไทยพูด เพื่อให้เราไม่ตกรุ่น และชิงความเป็นผู้นำในอาเซียนกลับมา เพราะสมัยก่อนผู้นำอาเซียน คือ สิงคโปร์และไทย ตอนนี้ไทยต้องไม่หลุดแกนกลางของอาเซียน หากหลุดประเทศไทยก็จะไม่อยู่ในสายตาของอเมริกาและจีน” นายสมคิด ระบุ

นายสมคิด กล่าวฝากด้วยว่า ขณะนี้ 3 สิ่งที่ประเทศไทยต้องเร่งทำอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้หลุดจากสายตาของจีน คือ 1. ต้องกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ให้แน่นแฟ้น 2. สานต่อโครงการ One Belt One Road ให้ประสบความสำเร็จ และ 3. ฟื้นคณะกรรมการร่วมไทย-จีน ให้กลับมาแข็งแรง นอกจากนี้ ทุกคนต้องละเลิกในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ หยุดใส่เสื้อเล่นกีฬาสีที่ทำมาตลอด 15 ปี จนกระทั่งประเทศเป็นแบบนี้แล้วจัดตั้งรัฐบาลที่ดีที่สุด ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพราะช่วงเวลาอย่างนี้ถือว่ากำลังอยู่บนทางแยก ถ้าหากทำไม่ดี ก็จะติดอยู่ในช่วงขาลง และหลุดวงโคจรไปอยู่ดิวิชัน 2-3 แต่ถ้าหากทำดีก็ยังมีโอกาสฟื้นขึ้นมาได้ ถึงเวลาที่ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ





กำลังโหลดความคิดเห็น