“แรมโบ้” ชี้ การถอนร่างกฎกระทรวงการถือครองที่ดินต่างชาติ เพื่อรับฟังความเห็นประชาชนให้รอบด้าน การถอยไม่ได้เสียหน้าอะไร ชื่นชมภาวะผู้นำของนายกฯ ประยุทธ์ ย้อนถามบริวาร “ทักษิณ” ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟเสร็จแล้วทำไมไม่ยกเลิกกฎกระทรวงปี 45
วันนี้ (8 พ.ย.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่างถึงกรณีกระทรวงมหาดไทยถอนร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ......ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนโดยดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงมาสู่ประเทศไทยในการประชุม เพื่อนำกลับไปศึกษารับฟังความเห็นของประชาชนก่อน
โดย นายเสกสกล กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโดยถือเอาเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ตรงนื้ถือว่าเป็นภาวะคุณสมบัติผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อพบว่า ประชาชนยังสับสนไม่เข้าใจในร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ ที่จะออกแทนฉบับเก่ามีข้อดี ข้อเสียอย่างไร กระทรวงมหาดไทยโดยกรมที่ดินจะต้องไปอธิบายให้แก่ประชาชนรับทราบและรับฟังเสียงประชาชนทุกฝ่าย
ทั้งนี้ การถอนร่างกฎกระทรวงออกมาต้องเขียนกำหนดกรอบให้รัดกุม เพื่อป้องกันข้อครหาว่า “ขายชาติ” ซึ่งความจริง การถอนร่างดังกล่าว ส่งผลให้กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข การได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545 ที่ออกมาสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ยังคงใช้บังคับอยู่
“อย่าเพิ่งดีใจว่า กฎกระทรวงการถือครองที่ดินต่างชาติไม่เกิด อย่าเข้าใจผิด เพราะเท่ากับกฎกระทรวงเดิมยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ถึงปัจจุบัน ซึ่งกฎกระทรวงปี 2545 อาศัยอำนาจออกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2542) ที่พรรคเพื่อไทย หรือ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มหลอมรวมประเทศไทย ยกขึ้นกล่าวอ้างว่า ถูกบังคับให้ออกตาม IMF แล้วรัฐบาลนายทักษิณ ได้เอางบประมาณแผ่นดินไปใช้หนี้ IMF หมดแล้ว ทำเป็นโชว์เหนือว่าสามารถใช้หนี้ได้ ถามว่าแล้วทำไมนายทักษิณไม่ยกเลิกกฎกระทรวงฉบับนี้ ถามว่า รัฐบาลไหน มันขายชาติ” นายเสกสกล กล่าว
นายเสกสกล กล่าวย้ำว่า ตนชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาล รับฟังเสียงของประชาชน ผลของการถอนร่างกระทรวงมหาดไทย แม้จะมีสิทธิยื่นเข้ามาให้คณะรัฐมนตรีมาพิจารณาใหม่ภายในกรอบระยะเวลา หรืออีกกรณีหนึ่ง ให้ชะลอไว้ก่อน ไม่ได้ทำให้รัฐบาลเสียหน้าอะไร จิ้งจกทักต้องฟัง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังสามารถดำเนินการในเรื่องอื่นๆ ได้ เพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ เพราะหลักการบริหารคณะรัฐมนตรีใช้หลักความรับผิดชอบร่วม โดยเฉพาะเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาค จะต้องพิจารณาถึงหลักคุ้มค่าและประโยชน์สาธารณะด้วย
อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนขออธิบายให้พี่น้องประชาชนฟังว่าหากได้เทียบเคียง กฎกระทรวงการถือครองที่ดินต่างชาติปี 2545 และการถือครองคอนโดมิเนียม ในอัตรา 49% ตามมาตรา 19 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 มีความแตกต่างกันมาก กล่าวคือ การซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการอยู่อาศัย ไม่มีหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการซื้อ ขาย โดยไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์วงเงินขั้นต่ำ 40 ล้าน แต่การถือครองโดยการซื้อขาด อยู่ที่ความสมัครใจและไม่จำกัดศักยภาพของคนต่างชาติ
“เพราะฉะนั้น การถอนร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ยังทำให้กฎกระทรวงเดิมยังคงใช้อยู่ถึงปัจจุบัน ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอะไร ซึ่งหากพิจารณาถึงเงื่อนไขการถือครองที่ดินคนต่างด้าว ปี 2545 พบว่า มีเงื่อนไขเยอะ จำกัดเพียง 1 ไร่ สามารถขายที่ดินให้แก่คนต่างด้าวทุกคน หากคนต่างด้าวได้อาศัยช่องว่างกฎหมายโดยให้นอมินี ถือครองแทน กว้านซื้อที่ดินแปลงใหญ่ ไม่มีจำกัดเนื้อที่ดิน ยิ่งร้ายแรงมากกว่า โดยเฉพาะข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่า คนต่างชาติถือครองอสังหาทรัพย์โดยการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการอาศัยจำนวนมาก แต่ไม่เห็นมีใครไปคัดค้านว่า เป็นกฎหมายขายชาติ โดยเฉพาะการถือคอนโดเกิดในปี 2551 สมัยรัฐบาลพลังประชาชน”
นายเสกสกล กล่าวด้วยว่า ส่วนกลุ่มคัดค้านพูดแค่ครึ่งเดียว พูดไม่หมด หนังครึ่งม้วน ดูยังไม่จบแล้วไปสรุปว่าขายชาติ โดยไม่ได้ดูข้อกฎหมายประกอบว่ากฎกระทรวงการถือครองที่ดินต่างชาติ มีฐานความคิดจากอะไร แต่ยอมรับฟังเสียงทุกคน โดยเฉพาะพลังเงียบ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับรัฐบาล เพราะฉะนั้นการรับฟังเสียงประชาชนและถอนร่างออกไปก่อนถือว่าเป็นเรื่องดี ซึ่งยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ รักชาติรักแผ่นดิน ไม่คิดจะขายชาติ ส่วนกระทรวงมหาดไทย เป็นต้นเรื่องเสนอมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่านมีเจตนาดี ทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมืองและร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ก็พูดขยายความกันไป ขายชาติเป็นเพียงแค่วาทกรรมทางการเมือง เหมือนปี 2531 สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ แต่การนำกฎกระทรวงเดิมมาปัดฝุ่นใหม่เพราะผ่านไป 20 ปี แต่กลับมีสถิติการซื้อขายตามเงื่อนไขน้อยมาก เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปและช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดลดลง การขยายฐานกลุ่มคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงและสร้างหลักเกณฑ์ควบคุม กลั่นกรองเพื่อป้องกันทุกด้านย่อมเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย
“ส่วนที่ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และอยากให้ท่านเป็นรัฐบุรุษ ตรงนี้เห็นด้วยและสนับสนุนแนวคิด เพราะท่านนายกรัฐมนตรีทุ่มเท ทำงานให้แก่บ้านเมืองโดยปฏิบัติหน้าที่โดยซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์มาตลอด ไม่มีความด่างพร้อย มุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศและประชาชนอย่างตั้งใจ” นายเสกสกล กล่าว