เมืองไทย 360 องศา
หลายคนมองว่า ร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง พ.ศ...ที่ยังค้างคาอยู่ในสภาเวลานี้ อาจเป็นชนวนทำให้รัฐบาลพังก่อนครบวาระ หรือพังเร็วขึ้นหรือเปล่า หลังจากกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับ พรรคประชาธิปัตย์ อย่างชัดเจน และแรงขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวค้างมาจากสมัยประชุมที่แล้ว หลังจากที่มีการถอนการพิจารณาออกไปในชั้นพิจารณาวาระสอง-สาม หลังจากที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีความพยายามจากบางพรรคโดยเฉพาะจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน คือ พรรคประชาธิปัตย์ กดดันให้มีการแก้ไขเนื้อหาบางอย่าง โดยอ้างว่า เกรงจะสร้างปัญหาให้สังคม และเยาวชน เป็นการเปิดทางให้ใช้กัญชาเสรี ไม่ใช่เพื่อการแพทย์ อะไรประมาณนั้น
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…. แถลงหลัง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ย้ำจุดยืนของพรรคจะไม่สนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว
นายศุภชัย ระบุว่า หลังที่ประชุมสภามีมติให้กรรมาธิการ ถอนร่างกฎหมายกลับไปทบทวน แก้ไขข้อกังวลของสังคม โดยที่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย มีข้อเสนอมายังกรรมาธิการ เพื่อพิจารณาปรับแก้ ซึ่งกรรมาธิการได้พิจารณาแล้ว พบว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นร่างที่มีเนื้อหาครอบคลุมประเด็น ที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอแล้ว เช่น การใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์ การทบทวนว่า กัญชายังเป็นยาเสพติดหรือไม่ หรือการนิยามการใช้กัญชาทางการแพทย์ในครัวเรือน และโดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึงกัญชาได้โดยง่าย ซึ่งสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอมานั้น ทางคณะกรรมาธิการได้บัญญัติไว้ในร่างกฎหมายอยู่แล้ว และภายในกรรมาธิการ ยังมีบุคคลจากหน่วยงานต่างๆ และบุคคลที่ได้รับการรักษาโดยกัญชา มาให้ความเห็นต่อกรรมาธิการ หรือบางข้อกังวลเอง ก็มีคณะกรรมาการธิการเสียงข้างน้อย ที่จะอภิปรายหากมีการพิจารณา แต่การกระทำเช่นนี้ ทำให้ไม่สามารถพิจารณาต่อได้
นายศุภชัย กล่าวว่า ต่างประเทศอย่างประเทศอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น กำลังมีแนวคิดปลดล็อก เพื่อนำกัญชามาใช้ประโยชน์ และกังวลว่า หากสภาไม่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ยิ่งจะทำให้เกิดปัญหากัญชาเสรีภาพขึ้น เพราะจะไม่มีกฎหมายมาควบคุม และจะยิ่งทำให้เกิดหายนะ หากพรรคประชาธิปัตย์ จะล้มกฎหมายฉบับนี้ จะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ และฝากเตือนไปยังพรรคประชาธิปัตย์ว่า อย่าเล่นการเมืองจนทำให้บ้านเมืองเสียหาย
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า วิปรัฐบาลมีมติออกมาแล้ว ซึ่งในที่ประชุม ครม. รับทราบมติวิปรัฐบาลแล้ว เชื่อว่า หัวหน้ารัฐบาลคงจะมีแนวทางอีกครั้ง แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย จะปฏิบัติตามมติวิปแน่นอน
เมื่อถามว่า หากมติวิปออกมาแล้วไม่ปฏิบัติตาม ต่อไปจะเชื่อถือได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ไม่ควรจะปล่อยให้เกิดขึ้นครั้งแรก หากเป็นเช่นนั้น จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกเบี่ยงเบน ไม่ปฏิบัติตามมติวิป ต่อไปคงไม่ต้องประชุมวิป ใครจะเสนออะไร ใครจะถูกอภิปราย หรือลงมติอย่างไร คงต้องไปนั่งลุ้นกันว่าผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง ไม่เป็นผลดีต่อสปิริตของพรรคร่วม แต่พรรคภูมิใจไทย ไม่มีประเด็นพวกนี้ เราเคารพหัวหน้ารัฐบาล เคารพนายกรัฐมนตรี เคารพมติวิป ดังนั้น ไม่ใช่ปัญหาของพรรค แต่เป็นปัญหาของคนที่ไม่เคารพมติมากกว่า
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า พรรคภูมิใจไทย ออกกฎหมายเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อหาเสียง หรือกลัวว่าใครจะมีเสียงมากขึ้น หรือน้อยลง หน้าที่การออกกฎหมายเป็นของ ส.ส. เราออกกฎหมายตามที่มีความจำเป็น ไม่ได้ออกกฎหมายเพื่อไปหาเสียง พรรคให้สัญญาประชาชนในการออกนโยบาย คือ การปลดล็อกกัญชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ. และหาก พ.ร.บ.กัญชาฯ ถูกเกมการเมืองทำให้ไม่ผ่าน ประชาชนต้องไปถามคนที่ไม่ให้ผ่าน คนเหล่านั้นต้องรับผิดชอบต่อประชาชน
เมื่อถามว่า จะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ และต้องมีการพูดคุยกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ความสัมพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ ซึ่งไม่ต้องคุยกับนายจุรินทร์ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่เป็นเรื่องระหว่างพรรค ถ้ามีปัญหาเรื่องการร่วมรัฐบาล หรือปัญหาของพรรคร่วมเรื่องของมติ นายกฯ ก็คงต้องลงมาแก้ปัญหา มันเกินขอบข่ายหน้าที่ และอำนาจที่มีของพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้ว
เมื่อถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นหากอนาคตต้องทำงานร่วมกันคิดหนักหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็มีผล เราก็ต้องคิด แต่เราคิดถึงประชาชนเป็นลำดับแรก วันนี้พรรคไม่เดือดร้อนอะไรแล้ว เพราะประชาชนเข้าถึงกัญชาแล้ว เราให้บริการประชาชนได้ โดย รพ.ทุกแห่งของรัฐมีคลินิกกัญชา
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้กัญชากลับมาเป็นยาเสพติดอีกครั้ง นายอนุทิน กล่าวว่า มันจะเอากลับมาได้อย่างไร ตนถึงบอกว่า คนที่ออกมาแถลงข่าว ไม่เคยทำการบ้าน พูดตามความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ รับงานใครมาหรือเปล่า และหากอยากจะให้กลับมาเป็นยาเสพติดอีกครั้ง คงต้องมานั่งเป็นรมว.สาธารณสุข ก่อน
ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวหาว่า การออกมาคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... รับงานของใครมาหรือไม่ ว่า ตนแปลกใจกับท่าทีของนายอนุทินมาก แต่ย้ำจุดยืนของพรรค ว่า กัญชามีทั้งประโยชน์และโทษมหันต์ ที่มีการนำไปใช้นันทนาการ เพราะขณะนี้สถานการณ์กัญชา กลายเป็นกัญชาเสรีสุดขั้ว ที่มีการปลดล็อก ออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 โดยไม่มีกฎหมายบังคับ จึงขอเรียกร้องให้มีกฎหมายที่ดีรองรับ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น แต่ปัญหาคือ กฎหมายที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) จัดทำอยู่ ไม่เน้นเรื่องประโยชน์ทางการแพทย์ แต่เปิดช่องให้นำไปใช้นันทนาการ และยังสามารถบิดเบือนไปใช้ในด้านอื่นๆ ได้อีกมาก
“ส่วนที่บอกว่ารับงาน รับเงินใครมาล้มกฎหมายกัญชา ก็ต้องบอกว่า รับงานจากประชาชนที่มีลูกหลานติดกัญชา อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า กฎหมายที่อยู่ในสภาขณะนี้ มีโอกาสที่จะพิจารณาไม่ทันในยุครัฐบาลนี้ หากกฎหมายกัญชาผ่านในสัปดาห์หน้า โดยรัฐธรรมนูญก็ต้องส่งไปให้วุฒิสภา พิจารณา ซึ่งมีเวลาพิจารณาถึง 60 วัน หรือถึงช่วงเดือนธันวาคม กว่าจะกลับมาสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ก็จะตกในช่วงเดือนมกราคม 2566 ถ้าเกิดกรณีที่วุฒิสภาแก้ไข ก็จะต้องตั้งกรรมาธิการร่วม หากไม่ทันอายุสภา มีทางเดียวคือ การทำกฎหมายให้ดีที่สุด และปิดสุญญากาศการใช้กัญชา ขอให้ นายอนุทิน ไปถามคนในกระทรวงสาธารณสุข ดูว่า ที่กำลังหนักใจกับผู้ป่วยจิตเวชที่ติดยาเสพติด มีความรู้สึกอย่างไร เราอย่าทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องการเมืองแล้วทะเลาะกันเลย เมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผมจึงต้องพูด” ส.ส.ตรัง กล่าว
เมื่อได้ฟังจากคำพูดของแต่ละฝ่ายข้างต้นแล้ว ทำให้ดูเหมือนว่า “แรง” กันทั้งคู่ เหมือนกับว่าจะทำให้รัฐบาลไปไม่รอดแล้ว ซึ่งก็อาจมองแบบนั้นก็ได้ เพราะเวลานี้หากมองในความเป็นจริง ก็ถือว่าเป็นช่วงท้ายๆ ของรัฐบาลผสมชุดนี้แล้ว เนื่องจากยังเหลืออีกประมาณ 4 เดือนเท่านั้น ก็จะครบวาระแล้ว ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากเรื่อง “กัญชา” ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องของความนิยมทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง และพรรคภูมิใจไทย ผลักดันมาตั้งแต่ต้น และกำลังจะสำเร็จสมบูรณ์ และที่สำคัญ กำลังจะมีการเลือกตั้งอีกไม่นาน มันก็ย่อมมีผลกระทบกับอีกพรรคแน่นอน
นอกเหนือจากนี้ หากมองกันในทางยุทธศาสตร์การเมืองในระหว่างพื้นที่ก็ต้องยอมรับกันว่าทั้งสองพรรคมีความ “ทับซ้อน” กินแดนกันในสนามเลือกตั้ง ที่เห็นได้ชัดก็คือในสนามเลือกตั้งภาคใต้ ที่พรรคภูมิใจไทย กำลังรุกคืบเข้ามาในพื้นที่พรรคประชาธิปัตย์อย่างน่ากลัว ดังนั้น หากมองในมุมแบบนี้ มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องขัดขวางกันทุกวิถีทาง
อย่างไรก็ดี หากประเมินตามสถานการณ์แล้วหลายคนก็ยังเชื่อว่ายังไม่น่าจะเป็นสาเหตุทำให้รัฐบาลพังไปได้ เนื่องจากยังมองว่าเป็น “แค่การแสดง” ทางการเมือง ยังไม่พร้อมที่จะเร่งให้ยุบสภาเร็วนักหรอก และล่าสุด เมื่อได้เห็นท่าทีของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ยังมีอารมณ์ “ชิลๆ” ยิ้มแย้มเมื่อถูกถาม โดยตัดบทว่าเป็นเรื่องสภา ว่ากันไป ขณะเดียวกัน เมื่อว่ากันถึงไทม์ไลน์ตามอายุของสภา ที่เหลืออยู่ไม่กี่เดือนก็อาจมองว่า จะถูกยื้อออกไปไม่มีกำหนด เพราะจนถึงบัดนี้ยังไม่มีวาระการประชุมเรื่องดังกล่าวออกมาเลย!!