ปชป. ระบุ กม.กัญชาฯ ไม่ได้แก้ตามข้อเสนอพรรค-แพทย์ ยัน ถ้าใช้เสียงมากดึงดัน ลงมติคว่ำแน่ จับผิด ภท.อ้างประมวล กม.ยาเสพติด บังหน้า ปลดล็อกกัญชา
วันนี้ (2 พ.ย.) เวลา 10.35 น. ที่รัฐสภา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำโดย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ แถลงถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว ว่า เป็นที่น่าเสียใจที่คณะ กมธ.ไม่ได้แก้ไขตามที่มีข้อเสนอแม้แต่ข้อเดียว โดยพรรค ปชป. เสนอ 13 ข้อ พรรคเพื่อไทย เสนอ 5 ข้อ และจากแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์ศึกษาปัญหายาเสพติดที่เสนอให้ทบทวนเป็นรายมาตรา อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่มีการถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไป ทราบว่า ทางคณะ กมธ. ได้เรียกประชุม 2-3 ครั้งเท่านั้น และมีสมาชิกพยายามทักท้วงให้หยิบข้อเสนอต่างๆ ขึ้นมาพิจารณา แต่ก็มี กมธ.ไม่สนใจรับฟังข้อเสนอหรือแม้แต่จะหยิบยกข้อกังวลที่สังคมเป็นห่วงขึ้นมาพิจารณา
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ยกตัวอย่างเช่น ให้ทบทวนว่ากัญชาเป็นยาเสพติดหรือไม่ แก้ไขคำนิยามคำว่าใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในครัวเรือน รวมถึงไม่ควรกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำหน้าที่ประสาน ส่งเสริมสนับสนุน พัฒนาสายพันธุ์ในการปลูกกัญชา เพราะขัดกับหน้าที่และอาจเกิดประโยชน์ทับซ้อน อย่างไรก็ตาม กฎหมายยังขาดมาตรการควบคุมการซื้อขายอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสูบกัญชา เป็นต้น
“เมื่อกรรมาธิการไม่แก้ไขเลย ก็จะเกิดการอภิปรายมากมาย หากยืนยันโดยเสียงข้างมากก็ดี ด้วย กมธ.ก็ดี คิดว่า ก็จะเกิดความโกลาหล เพราะกฎหมายจะออกมาโดยขาดความรอบคอบโดยสิ้นเชิง และจำเป็นที่ประชาธิปัตย์จะต้องพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของประชาชน โดยการลงมติไม่รับกฎหมายดังกล่าว” นายสาทิตย์ กล่าว
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ต่างประเทศเรียกประเทศไทยว่า เป็นเมืองหลวงกัญชาของโลก นอกเหนือจากยุโรปไปแล้ว เขาเข้าใจว่า เราเป็นกัญชาเสรี ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ว่าไว้ว่า ขณะนี้เป็นการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ สถานการณ์กัญชาเป็นสิ่งที่สังคมไทยไม่พึงประสงค์ ขอให้นำกัญชากลับมาอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภท 5 ส่วนกรณีที่มีคนในพรรคภูมิใจไทยออกมา ระบุว่า ไม่สามารถนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดได้แล้ว เนื่องจากในประมวลกฎหมายยาเสพติดได้ถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดแล้วนั้น ขอเรียนว่า ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด เพราะประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 29 กำหนดเพียงว่าการปลดล็อคกัญชาให้เป็นไปตามคำประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้นายอนุทินทบทวนนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด เพื่อไม่ให้ไทยเป็นสังคมอุดมยาเสพติด ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นเรื่องสังคมล้วนๆ และพรรคประชาธิปัตย์ก็อ่านกฎหมายครบถ้วน ไม่ได้เป็นลักษณะไม่อ่านกฎหมายแล้วออกมาค้าน เพราะต้องการได้เสียงอย่างแน่นอน
ด้าน นายพิสิฐ กล่าวว่า การปลดล็อกกัญชาจะทำให้ลูกหลานของพวกเราติดกัญชาโดยไม่รู้ตัว พ่อแม่ผู้ปกครองจะเป็นห่วงว่าลูกหลานจะไปเมากัญชาที่ไหน จากนี้ไปประเทศไทยจะถูกตราหน้าว่าเป็นแดนกัญชา ส่งออกสินค้าชนิดจะโดนตรวจอย่างละเอียดเพราะกลัวว่าเราจะซุกซ่อนกัญชา ทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศก็จะโดนตรวจโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ดังนั้น ไม่ควรทำให้เกิดกัญชาเสรี เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง