“แสนยากรณ์” ผู้เสนอตัวสมัคร ส.ส.กทม. พรรคชาติพัฒนากล้า ขอ ครม. เร่งหามาตรการรองรับวิกฤต หลัง OPEC+ เริ่มลดกำลังผลิต มากสุดในรอบ 3 ปี คาดปลายปีนี้ราคาน้ำมันพุ่งแน่ ย้ำทางออกต้องรื้อโครงสร้างพลังงาน เก็บภาษีลาภลอยโรงกลั่น
วันนี้ (1 พ.ย.) นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม ผู้เสนอตัวสมัคร ส.ส.กทม. พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ขอให้ ครม.เร่งพิจารณามาตรการรองรับวิกฤตราคาน้ำมันระลอกใหม่ เพราะราคาน้ำมันปลายปีนี้จะพุ่งขึ้นสูงมากแน่นอน เนื่องจากวันนี้คือวันแรก ที่กำลังผลิตน้ำมันในตลาดโลก ถูกปรับลดลง 2 ล้านบาร์เรล/วัน ตามมติกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (OPEC+) ปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 2563 ราคาน้ำมันในตลาดโลกตอนนี้อยู่ที่ 93-95 ดอลลาร์/บาร์เรล และคาดว่า จะทะลุเกินกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ในปลายปีนี้แน่นอน โดยองค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ก็ออกมาเตือนแล้วว่า กลุ่มประเทศแถบเอเชียที่นำเข้าน้ำมัน และกำลังประสบปัญหาค่าเงินอ่อน จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
“ปลายปีนี้ราคาน้ำมันไทยก้าวกระโดดแน่นอน ถ้ายังบริหารโครงสร้างพลังงานแบบเดิม โรงกลั่นได้กำไร แต่คนที่จะรับภาระเต็มๆ คือประชาชน กรอบวงเงินให้กองทุนน้ำมัน 1.5 แสนล้านบาท ก็คงไม่พอใช้หนี้ มีโอกาสติดลบเพิ่ม หวังว่า ครม. จะนำเรื่องนี้มาพิจารณา หามาตรการรองรับเร่งด่วน” นายแสนยากรณ์ กล่าว
นายแสนยากรณ์ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นวิกฤตการณ์พลังงานระลอกใหม่ วิธีบริหารพลังงานแบบปกติ ไม่สามารถนำมาใช้กับสถานการณ์วิกฤตได้ จึงขอให้ผู้บริหารประเทศตั้งโจทย์ไปที่การรื้อโครงสร้างพลังงานใหม่ ค่าการกลั่นควรกำหนดให้เหมาะสมทั้งกำไรและขั้นต่ำ หากมีกำไรส่วนเกิน ก็ถือเป็นภาษีลาภลอยที่ต้องจ่ายกลับเข้ากองทุนน้ำมัน ถ้าทำแบบนี้ได้ กองทุนน้ำมันก็จะมีสภาพคล่อง มีเงินมาอุดหนุนราคาน้ำมันไม่ให้สูงจนเกินไป ไม่ต้องกู้เงินให้ประชาชนมาใช้