แกนนำชาติพัฒนากล้า ประณาม มติ ครม. ผลักหนี้กองทุนน้ำมัน 1.5 แสนล้าน ให้ประชาชน 7 ปี ทุกครั้งที่เติมน้ำมัน ปล่อยโรงกลั่นฟันกำไร ย้ำ ต้องเก็บภาษีลาภลอยจากโรงกลั่น
วันนี้ (26 ต.ค.) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงกรณีเมื่อวานนี้ ครม. มีมติเห็นชอบแผนการกู้เงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1.5 แสนล้านบาท โดยมีกรอบระยะเวลาใช้เงินคืน 7 ปี ว่า หนี้ก้อนนี้เป็นหนี้สาธารณะที่ประชาชนต้องชดใช้ ให้กองทุนน้ำมัน โดยถูกบวกจ่ายเพิ่มในทุกครั้งที่เราเติมน้ำมัน
“โรงกลั่นน้ำมันฟันกำไรเกินควร เพราะไปยึดส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันดิบดูไบ และราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ เป็นต้นทุนค่าการกลั่นสมมติ เมื่อเกิดภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์พุ่งสูงขึ้น เมื่อหักลบกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เลยทำให้ส่วนต่างซึ่งเป็นต้นทุนค่าการกลั่นที่สมมติ พุ่งสูงขึ้นไปด้วย ทั้งที่ต้นทุนค่าการกลั่นที่แท้จริงก็เท่าเดิม เลยทำให้โรงกลั่นฟันกำไรมหาศาล ส่วนรัฐบาลไม่กล้าเข้าคุมค่าการกลั่น แต่ปล่อยให้กองทุนน้ำมันจ่ายเงินพยุงราคาให้ประชาชน จนปัจจุบันกองทุนถังแตกติดลบกว่า 1.5 แสนล้านบาท ต้องมาขอให้รัฐบาลช่วย กลายเป็นหนี้สาธารณะ ที่ประชาชนต้องผ่อนคืนจากกระเป๋าของเราเองในทุกครั้งที่เราเติมน้ำมันไปอีก 7 ปี”
รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ยังฝากคำถาม ว่า 1) กระทรวงพลังงานเคยประกาศจะไปขอเงินบริจาค 2.4 หมื่นล้าน จากโรงกลั่นวันนี้อยู่ไหน? 2) ที่ผมและคุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เคยเสนอให้ออกพระราชกำหนด เก็บภาษีภาษีลาภลอยกับโรงกลั่น ทำไมไม่ทำ? 3) ท่านรู้หรือไม่ ถ้าท่านดึงเรื่องการออกพระราชกำหนดเก็บภาษีลาภลอยจนข้ามปี โรงกลั่นที่เป็นบริษัทมหาชน เขาจะจ่ายกำไรเป็นเงินปันผลไปให้ผู้ถือหุ้นหมด จะเก็บภาษีไม่ทัน จึงมองว่า การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจแบบนี้เสียหาย เหมือนล้วงเงินประชาชนไปเป็นกำไรโรงกลั่นน้ำมัน