เพียงคำ “รอนานมั้ยครับ” ของ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ประชาชนที่เฝ้ารอรับเสด็จถึงกับน้ำตาคลอเบ้า “ดร.นิว” เค้นถาม “อุ๊งอิ๊ง” จุดยืนแก้ ม.112 ที่ชัดเจนของ พท. “ถาวร” ขู่ “ทักษิณ” คดีฆาตกรรม
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (28 ต.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ของ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความระบุว่า
คำว่า “รอนานมั้ยครับ” คือ “คำบอกรัก”
เป็นการบอก “รัก”
ที่ไม่ต้องพูดคำว่า “รัก”
ก็รับรู้ได้ว่า “รัก”
เป็นรักที่ได้ทั้ง “ให้และรับ” ซึ่งกันและกัน
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ก็ได้แชร์โพสต์ของ Sasaki Anchalee ระบุว่า
“รอนานมั้ยครับ”
คนที่เรารัก...นานแค่ไหนก็จะรอ
---------------------------------------
27 ตุลาคม 2565
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ
มหาวชิโรตตมางกูรสิริวิบูลยราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ในการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก
------------------------------------------------
ทรงพระเจริญ
เรามีในหลวง
ด้าน เพจเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ นายศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความระบุว่า
“ในฐานะของประชาชน ขออนุญาตสอบถามไปยังหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยอย่างคุณอุ๊งอิ๊งหน่อยครับ พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนอย่างไรต่อ ม.112 ครับ ขอบคุณครับ Ing Shinawatra”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก่อนหน้านี้ นายถาวร เสนเนียม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณี “ทักษิณ” ฟ้องหมิ่น “ชวน หลีกภัย” ว่า
“ผมขอชื่นชมในการตัดสินใจของ นายชวน หลีกภัย กรณีที่เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2555 ท่านได้บรรยายให้ความรู้แก่ผู้ฟังในโรงเรียนการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงรัฐบาลยุคระบอบทักษิณมีอำนาจว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น นำไปสู่เหตุการณ์บานปลายที่รุนแรงจนถึงขณะนี้
จากวันนั้นถึงวันนี้ ผม นายถาวร เสนเนียม ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งประชาชน เจ้าหน้าที่ของรัฐ และนักบวช รวมถึงพระสงฆ์ 5,000 กว่าคน และบาดเจ็บอีก 9,000 กว่าคน ถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในยุคระบบทักษิณมีอำนาจ
ขอย้อนไปเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2544 เกิดเหตุวางระเบิดที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเรียกประชุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามถึงสาเหตุว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบในขณะนั้น รายงานว่า สาเหตุเกิดจากโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน ซึ่งมีประมาณ 50-60 คน รัฐบาลจึงสั่งให้จัดการกวาดล้างให้หมดภายในเวลา 5-6 เดือน ข้อสั่งการดังกล่าวนี้นำไปสู่การอุ้มฆ่า อุ้มหาย เป็นระยะๆ ส่งผลให้นโยบายในยุคของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ภายใต้แนวทาง เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ของในหลวงรัชการที่ ๙ ถูกทำลายลงหมดสิ้น และได้เกิดเหตุรุนแรงกลับคืนขึ้นมาอีกใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ถูกรอบฆ่าเป็นการแก้แค้น เพื่อเอาอาวุธปืนไปใช้ในการก่อความรุนแรงและได้เกิดเหตุการณ์ปล้นปืนขึ้น เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ที่ค่ายปิเหล็ง นอกจากนั้น ศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นหน่วยราชการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหา ด้วยวิธีการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ก็ถูกยกเลิก ในยุครัฐบาลทักษิณ
ในปี 2547 ได้เกิดเหตุการณ์ตากใบและมัสยิดกรือเซะขึ้น เป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่ทุกคนทราบดี ต่อมาในปี 2552 ผมเข้าไปทำหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาและการพัฒนา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลในขณะนั้นได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และได้ยกร่างพระราชบัญญัติบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553 ขึ้น เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นเรื่องการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา อีกครั้งหนึ่ง
นับถึงปัจจุบันนี้ ประเทศไทยได้ใช้เงินในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปแล้วหลายแสนล้านบาท กำลังพลตำรวจ ทหาร อส. ประชาชน พระสงฆ์ นักบวช เสียชีวิตไปแล้ว 5,000 กว่าคน และบาดเจ็บอีก 9,000 กว่าคน แต่สถานการณ์ก็ยังไม่กลับเป็นปกติเหมือนปี 2524-2543 ทั้งนี้ เพราะความผิดพลาดอันเกิดจากนายทักษิณ ชินวัตร ได้ใช้นโยบาย Iron Fist (กำปั้นเหล็ก) ซึ่ง นายทักษิณ ชินวัตร ได้สารภาพไว้ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ประเทศสิงคโปร์ และยังปรากฏในรายการ Tony Woodsome หรือ นายทักษิณ ชินวัตร จะชี้แจงอย่างไร
การที่ นายชวน หลีกภัย ถูกฟ้องในครั้งนี้ ผมขอตั้งข้อสังเกตไปถึงพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ ว่า ท่านได้ใช้หลักดุลพินิจ (Opportunity Principle) ในการพิจารณาสั่งฟ้อง นายชวน หลีกภัย ดี รอบคอบ ถูกต้อง แล้วหรือยัง หรือท่านเป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์ช่วยชี้แจงด้วย
ในโอกาสการค้นหาความจริงในศาลครั้งนี้ นายชวน หลีกภัย จะได้มีโอกาสพูดความจริง แสดงเหตุผลบนพื้นฐานของความหวังดีต่อบ้านเมือง หรือเป็นการใส่ความ นายทักษิณ ชินวัตร ผมมั่นใจว่า จะเป็นโอกาสของคนไทยทุกคน ที่จะได้ทราบความจริงในบรรยากาศของการพิสูจน์ความจริงกันในศาลครั้งนี้ และขอชื่นชม นายชวน หลีกภัย อีกครั้งหนึ่งที่ได้ให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรม โดยการเดินไปขึ้นศาลอย่างสง่าผ่าเผย สมเป็นยอดชายนักสู้
แต่น่าเป็นห่วงว่า เมื่อจบคดีนี้แล้ว นายทักษิณ ชินวัตร จะถูกดำเนินคดีในข้อหาฆาตกรรมเพิ่มขึ้นอีกกี่คดีหรือไม่ อย่างไร ขอให้ทุกคนติดตามอย่ากะพริบตา”
แน่นอน, สิ่งที่เป็นข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ก็คือ ความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ กับการเมืองของนักการเมือง และการเมืองที่กำลังทะลุเพดาน เสนอแก้ ม.112 และต้องการปฏิรูปสถาบันฯ ซึ่งเป็นความรักและหวงแหนของคนไทย
เหนืออื่นใด คนไทยรู้จักสถาบันฯ ดี โดยไม่ต้องมีใครชี้นำ และรู้จักนักการเมือง พรรคการเมือง และ ส.ส.ดี เพราะคือ “ผู้แทน” ของพวกเขา ดังนั้น เชื่อว่า ประชาชนคนไทยพร้อมแล้ว ที่จะตัดสินใจอย่างไร ทั้งในประเด็นแก้ ม.112 และปฏิรูปสถาบันฯ ที่พรรคการเมืองทั้งหลายต่างออกมา คัดค้านการแก้ ม.112 ยกเว้นพรรคการเมืองบางพรรค
ขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” ยังไม่ชัดเจน เพียงแต่เลี่ยงว่า ต้องการแก้เศรษฐกิจก่อน จึงนำมาสู่การตั้งคำถามเพื่อความชัดเจน แต่ถ้ายังคลุมเครือต่อไป ระวังจะถูกมองว่า “แก้ก็ได้?” ก็แล้วกัน!?