ข่าวปนคน คนปนข่าว
**จากรู้มั้ยกูเป็นใคร? “น้าแอ๊ด” รับผิด “ผมเมา” ด่าผู้ว่าฯ ค่าของคนอยู่ที่รู้จักตัวเอง
เป็นเรื่องเป็นข่าวให้ได้ติดตามกัน ต่อหลังจาก “แอ๊ด คาราบาว” ยืนยง โอภากุล นักร้องเพลงเพื่อชีวิต ผู้ยืนยงอยู่ในวงการสมชื่อ ดีกรีศิลปินแห่งชาติ ระเบิดอารมณ์กลางเวทีคอนเสิร์ตงานวันเกิดกำนัน ด่า “ณัฐภัทร สุวรรณประทีป” ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ชนิดมันส์ปาก ขาดสติ
ปรากฏความเคลื่อนไหวล่าสุดของ “น้าแอ๊ด” เมื่อคืนก่อน โดยมีคลิปเผยแพร่เป็นไวรัลว่อนโซเชียลฯอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวใช้โอกาสที่ขึ้นเล่นคอนเสิร์ตฉลองงานบุญกฐิน ประจำปี 2565 ของวัดเขาลังพัฒนา อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ยกมือไหว้ท่วมหัวขอโทษ ผู้ว่าฯสุพรรณ และผู้ว่าฯจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ
ในคลิป “น้าแอ๊ด” ที่เคยพูดจาก้าวล่วงผู้ว่าฯ เริ่มต้นกล่าวว่า พี่น้องครับ ผมมีเรื่องที่คาใจอยู่ อยากจะฝากบอกพี่น้องชาวลพบุรีว่า เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมก้าวร้าว ไปเล่นที่ จ.สุพรรณบุรี ที่ อ.สองพี่น้อง แล้วผมก็ก้าวล่วงท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ด่าท่านอย่างสาดเสีย เทเสีย
พี่น้องครับ ผมผิด ผมผิด ผมกราบขอโทษ คนเราเมื่อผิดเราก็ต้องกราบขอโทษ ผมกราบขอโทษผู้ว่าฯสุพรรณบุรี และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหมด 77 จังหวัด หวังว่า ท่านจะให้อภัยผม ผมสำนึกผิดและผมยอมรับทุกอย่างที่ท่านจะจัดการกับผม ผมยอมรับทุกอย่าง ขอบคุณครับ
ระหว่างกล่าวคำขอโทษ ฟังว่า “น้าแอ๊ด” ได้ย้ำคำว่า “ผมผิด ผมผิด ผมผิด" อยู่หลายครั้ง และว่า “ท่านผู้ว่าฯไม่ผิด ผมผิด” “คนเราผิดเราก็ต้องยอมรับผิด ใช่ป่ะ ..เมื่อไหร่ที่เราผิด เราก็ต้องยอมรับผิด”
“ผมผิดเพราะผมเมา ถ้าพี่เล็ก (คาราบาว) ไม่มาดึงผม วันนั้นยิ่งกว่านี่อีก” ซึ่งบรรดาแฟนเพลงที่เป็นสักขีพยานด้านล่างเวทีต่างตะโกนขานรับให้กำลังใจ บ้างก็ตะโกนแสดงความรักศิลปินคนโปรด ว่า น้าแอ๊ด อยู่ในใจเสมอ
งานนี้ก็ไม่รู้ว่า ผู้ว่าฯสุพรรณ จะยินดีรับคำขอโทษ “น้าแอ๊ด” และให้อภัยหรือไม่ ฟังว่าคดีความ “หมิ่นประมาท” ก็ยังเดินหน้าอยู่ที่ สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจได้รับการติดต่อประสานกับศิลปินแห่งชาติ แจ้งเลื่อนพบพนักงานสอบสวน จากเดิมวันที่ 25 ต.ค. ไปเป็น วันที่ 27 ต.ค. เนื่องจากได้รับหมายเรียกในระยะกระชั้นชิด
อย่างไรก็ดี พอเรื่องคำขอโทษ “ผมผิด ผมเมา” ของน้าแอ๊ด คาราบาว เผยแพร่ไปในโลกโซเชียลฯ ก็เกิดเป็นกระแสดรามา แบ่งออกเป็นสองฝ่าย มีทั้งที่ยอมให้อภัยนักร้องตำนานเพลงเพื่อชีวิตคนดัง โดยบอกว่า ผิดแล้วออกมาขอโทษ ก็โอเค ยอมรับผิดแล้วขอโทษ ให้อภัยได้ ดีกว่าหลายคนที่แถจนสีข้างถลอก ไม่โดนสังคมกดดัน ก็ไม่ออกมาขอโทษ
ขณะที่อีกฝ่ายที่ยังขุ่นเคือง รับไม่ได้กับพฤติกรรมน้าแอ๊ด ก็ยกเรื่องวัยวุฒิ และความรู้จักยับยั้งชั่งใจ มาเตือนสติว่า อายุปูนนี้แล้ว ทีหลังก็อย่าหาทำ แถมโทษเหล้า โทษเมา ถือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินแห่งชาติ
มาถึงตรงนี้ จาก “รู้มั้ย กูเป็นใคร?” ของค่ำคืนที่น้าแอ๊ดผรุสวาทด่าผู้ว่าฯ ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่เจ้าตัวสารภาพ สภาพความเมา ที่ทำให้หาสติในร่างกายไม่เจอ ทุกข์จึงเกิดซ้ำจากสังคมก่นประณาม จนมาถึงวันที่ยอมรับผิดแบบแมนๆ ใจนักเลง คงต้องบอกว่า บทเรียนครั้งนี้ มีแต่ตัว “น้าแอ๊ด” เท่านั้นที่จะเรียนรู้เองได้
ไหนๆ แต่งเพลง ร้องเพลงให้คนฟังได้มาทั้งชีวิต จะสอนใจตัวเองบ้าง ก็คงไม่ยากเกินกำลังกระมังว่า คุณค่าของคนอยู่ที่รู้จักตนเอง ไม่ต้องไปถามใครว่า กูเป็นใคร? ให้ลำบาก อยู่ที่ใจ ...หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข ก็อย่างที่น้าแต่ง น้าร้องนั่นแหละ.
**“พ่อใหญ่จิ๋ว” สอนน้อง 3ป. รู้จักรับฟังข้อห่วงใยจากทุกฝ่าย ดักคอเลือกตั้งครั้งหน้าหวังว่าจะเป็นตาม กม.
การเมืองไทยต่อจากนี้ เชื่อว่า “พี่น้อง 3ป.” จะยังคงต้องกอดคอกันเดินหน้า แม้ว่าบางครั้งบางคราจะมีการงอนกันบ้าง ก็คงใช้วิธีลูบพุง ออดอ้อน แก้งอนกันไป
หรือหากมองว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีเวลาเป็นนายกฯได้เพียงอีก 2 ปี ตามกรอบรัฐธรรมนูญ แต่ก็มีการ “โยนหินถามทาง” ออกมาจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ว่าจะใช้สูตร “หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม” หรือเป็นนายกฯคนละครึ่ง จะดีไหม ...
คือ พรรคพลังประชารัฐ ให้ “ลุงตู่” เป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นเบอร์ 2 ...“ลุงตู่” เป็นนายกฯครึ่งแรก เมื่อครบ 2 ปี ก็ให้ “ลุงป้อม” มารับช่วงต่อในส่วนที่เหลือ
แต่ดูเหมือนหินที่โยน จะตกลงมาโดนหัวแม่เท้าตัวเอง เพราะแม้แต่คนในพรรคก็ไม่เห็นด้วย... ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามโดดออกมาท้าเลยว่า ถ้าแน่จริงก็ใช้สโลแกนนี้เป็นแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งไปเลย ดูว่าประชาชนจะโอเคไหม
นอกจากนี้ ยังมีท่าทีจาก “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมทั้ง “สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน แบะท่าว่าหลังเลือกตั้ง ถ้าขั้วประชาธิปไตยไปเจอทางตัน ก็มีโอกาสเป็นไปได้ ที่พรรคเพื่อไทย จะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาล... แต่นายกฯต้องไม่ใช่ “ลุงตู่”!!
ขณะที่สถานการณ์การเมืองใกล้ช่วงเลือกตั้ง ที่มี “เดิมพันสูง” ทั้งสองฝ่าย มีการวิพากษ์วิจารณ์ จับกลุ่ม จับขั้ว ถึงความเป็นไปได้ ในการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
“พ่อใหญ่จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระยะหลังมานี้ นานๆ จึงจะออกมาแสดงความคิด ความเห็นทางการเมือง ทั้งที่ยุคนั้นได้รับฉายา “ขงเบ้ง” เพราะ “อ่านขาด” การเมืองไทย
วันนี้ “พ่อใหญ่จิ๋ว” ได้ออกมาพูดแล้ว โดยเปิดหัวว่า ...ประชาชนคนไทย มีความน่ารักที่ไปสนใจในเรื่องที่ไร้สาระ แต่สิ่งที่มีสาระและควรสนใจ คือ ประเทศชาติ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะ ป.ไหนก็ตาม ได้พยายามดูแลบ้านเมืองให้เกิดความเป็นธรรม ประชาชนสบายใจ มีความสุข แต่ขึ้นอยู่กับผลงานที่ปรากฏออกมา
... เชื่อว่า รัฐบาลพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว จึงได้แต่สวดมนต์ ภาวนาให้ประสบผลสำเร็จ และมองว่าทุกฝ่ายน่าจะให้ความร่วมมือกันมากกว่านี้ ส่วนการคาดการณ์ถึงสูตรจัดตั้งรัฐบาล และตัวบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น อย่าไปคิดให้เสียเวลา แต่ควรคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศสงบสุข ประชาชนสามัคคี
“3ป.” ทั้งหมดเป็นทั้งลูกศิษย์และเป็นลูกน้อง แต่ที่ผ่านมา ไม่เคยไปอ้อนวอน หรือขอร้องในเรื่องใด เพราะเชื่อว่าได้ผ่านการอบรมศึกษามาเหมือนกัน ย่อมต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยหวังว่าสิ่งที่ทุกคนแสดงความห่วงใย น่าจะไปถึงหู และมีความหมายบ้าง ไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นนายกฯ หรือจะเป็นอะไร แต่ต้องเป็นตามหลักการปกครอง คือทำเพื่อชาติ และประชาชน เพราะหลายปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม!!
...ไม่อยากให้ทุกคนหมดหวัง หมดแรง และเลิกต่อสู้ เพราะหากไม่มีประชาชนที่น่ารัก ประเทศก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นทุกคนจึงต้องช่วยกัน และไม่ทิ้งประชาชนที่เหลือ ซึ่งปัญหาเฉพาะหน้าในขณะนี้ ก็ยังมีประชาชนจำนวนมากต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วม...
“พ่อใหญ่จิ๋ว” ยังพูดถึงการเลือกต้้งที่จะมีขึ้นในปี 2566 ว่า... คนไทยทุกคนก็หวังให้บ้านเมืองมีการปกครองที่เรียบร้อย มีการเลือกตั้งถูกต้องตามกฎหมาย ไม่คดโกง ไม่มีการละเมิดสิทธิ และโดยส่วนตัวก็หวังเช่นเดียวกัน แต่หากมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น ก็เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องยืนหยัดป้องกัน และสร้างความถูกต้องเพื่อประเทศชาติ
ความระหว่างบรรทัดเหล่านี้ ถือว่าเป็นความห่วงใย ความปรารถนาดี ที่ “พ่อใหญ่จิ๋ว” ตั้งใจจะออกมาสื่อสารไปถึง “พี่น้อง 3ป.” ที่เป็นทั้งลูกศิษย์และลูกน้องโดยตรง