“หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย” เสนอ พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย คนละไม่เกิน 1 ล้านบาท ช่วยเหลือประชาชน บรรเทาความเดือดร้อนจากเหตุน้ำท่วมไร่นา ผลผลิตเสียหาย โดยจัดทำเป็นมาตรการเร่งด่วน
วันนี้ (22 ต.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยภายหลังการเดินทางไปสำรวจพื้นที่ประสบอุทกภัยจังหวัดอ่างทอง และ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งถูกน้ำท่วมขังเกือบเต็มพื้นที่ ทั้งพื้นที่เกษตรกรรม และพื้นที่อยู่อาศัยบ้านเรือนของประชาชน ว่า ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะรายงานให้นายกรัฐมนตรี ทราบ ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพื่อเร่งหาแนวทางแก้ไข และช่วยเหลือประชาชนเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินของประชาชน เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม
ผลผลิตทางด้านเกษตรกรรม โดยเฉพาะนาข้าว เสียหายเกือบ 100% ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาหนี้สินให้แก่เกษตรกร และ ผู้ประกอบการธุรกิจทั่วไปในจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ให้มากขึ้นไปอีก จากที่มีปัญหาหนี้สินจากผลกระทบของโควิด ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
“หนี้สินที่เกิดจากโควิด ยังไม่ทันได้ฟื้นตัว ก็ต้องมาเจอกระทบของน้ำท่วมอีก ซึ่งผมได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชน ทราบว่า นอกจากเหตุจากภัยธรรมชาติ ฝนตกหนักต่อเนื่อง ปริมาณน้ำฝนมีมากกว่าทุกปีแล้ว ยังมีเหตุมาจากการบริหารจัดการน้ำผิดพลาด บางพื้นที่มีปัญหาคันกันน้ำแตก เจ้าหน้าที่แก้ไขไม่ทันสถานการณ์ บางพื้นที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่รับน้ำ มีหลายเหตุประกอบกัน ทำให้พื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนาเสียหาย โดยไม่ได้รับการเยียวยา ชดเชย รัฐบาลต้องเร่งช่วยเหลือประชาชน โดยเร็ว และประกาศให้ประชาชนทราบ เพื่อเป็นกำลังให้แก่ประชาชน ด้วยว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งให้เขาแก้ปัญหากันเอง”
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า จะเสนอนายกรัฐมนตรี พิจารณาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และเกษตรกร ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งมีหลายจังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศ โดยการพักหนี้ 3 ปี และต้องเป็นการพักหนี้แบบหยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย คนละไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยด่วน
“รัฐบาลต้องเยียวยา ฟื้นฟู ความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเร็ว สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ หยุดหนี้สินของประชาชนไว้ก่อน เพื่อช่วยลดภาระรายจ่ายของประชาชน ก่อนหน้านี้ ประชาชนต้องประสบปัญหาโควิดมา 3 ปี พอจะดีขึ้น ก็มาเจอปัญหาอุทกภัย จึงควรให้ประชาชนได้มีโอกาสหายใจบ้าง ก่อนที่จะจมไปกับน้ำ หลังจากน้ำลดลง เงินทุกบาทของประชาชน ควรจะนำไปใช้ในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หรือ ประกอบอาชีพ เพื่อหารายได้ เลี้ยงดูครอบครัว ส่วนภาระหนี้สิน ควรจะต้องหยุดไว้ก่อน”