ส.ส.ปชป. ห่วงฝากเงินผ่าน CDM ต้องใช้บัตรเครดิต-เดบิต หวังแก้ปัญหาฟอกเงิน เกาไม่ถูกที่คัน เป็นภาระ ปชช.ต้องเสียค่าบัตรเพิ่ม เหตุตู้ฝากเงินอัตโนมัติยังอ่านค่าบัตร ปชช.ไม่ได้ แนะ พัฒนาเครื่องก่อนออกมาตรการ ชี้ แบงก์ควรแจ้งความเคลื่อนไหวการเงินลูกค้า โดยไม่เก็บค่าบริการ
วันนี้ (18 ต.ค.) ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกกฎเกณฑ์ให้ผูฝ่กเงินสดผ่านเครื่อง CDM หรือ ADM ของธนาคารต้องใช้บัตรเดบิต หรือ บัตรเครดิตธนาคาร โดยจะเริ่มวันที่ 15 พ.ย.นี้ ว่า หากทำเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมนั้น อาจเป็นการเกาไม่ถูกที่คัน เนื่องจากที่ผ่านมา เราจะเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นแบบระงับยับยั้งไม่ทัน คือ การโอนเงินผ่านระบบออนไลน์ ที่ไปไวมาก ไม่มีระบบแจ้งเตือน เมื่อเกิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ จะมีการแจ้งผ่านาเอสเอ็มเอส ก็เป็นระบบที่ผู้ใช้บริการธนาคารต้องเสียเงินจ่ายค่าบริการแยกต่างหาก ทั้งที่ความจริงควรให้บริการฟรี เนื่องจากดอกเบี้ยเงินฝากต่ำมาก เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารนำเงินของผู้ฝากไปต่อยอดทำกำไร ควรคืนกำไรส่วนนี้ให้กับผู้ฝากเงิน ผ่านการให้บริการแจ้งความเคลื่อนไหวทางการเงินฟรี ซึ่งเดี๋ยวนี้สามารถทำผ่านแอปได้โดยไม่ต้องเสียเงินส่งข้อความทางเอสเอ็มเอส แต่ต้องแจ้งผู้ฝากเงินให้รับทราบถึงบริการนี้ด้วย
“การจะเปลี่ยนแปลงบริการใดก็ตาม ต้องไม่เป็นภาระกับผู้บริโภค แม้จะบอกว่าให้ใช้บัตรประชาชนได้ แต่ความเป็นจริงคือเครื่องอัตโนมัติยังไม่อ่านค่าจากบัตรประชาชน ซึ่งจะกลายเป็นการจำกัดสิทธิคนที่ไม่มีบัตรเดบิตและเครดิตในการทำรายการฝากเงินสดผ่านเครื่องอัตโนมัติ ต้องไปใช้บริการผ่านช่องทางสาขาของธนาคารเท่านั้น หากจะไปทำเบัตรเดบิต ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ทั้งที่ในปัจจุบันเรากดเงินแบบไม่ผ่านบัตรกันแล้ว” ศ.ดร.กนก กล่าว
ส่วนเหตุผลที่มีการออกมาตรการดังกล่าวมา เพื่อป้องกันการฟอกเงิน เพราะที่ผ่านมา ธนาคารไม่ต้องรายงานการทำธุรกรรมผ่านเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ แม้จะเกิน 7 แสนบาท เว้นพบธุรกรรมผิดปกตินั้น หากเห็นว่าเป็นช่องว่าง ก็ควรแก้ที่จุดนี้ เช่น ระบุให้ชัดว่าจะฝากเงินจำนวนเท่าไหร่ ที่คิดว่าจะเป็นเหตุแห่งการฟอกเงิน ต้องใช้บัตรประชาชน ไม่ใช่บัตรเดบิตหรือเครดิต โดยเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ ต้องปรับปรุง พัฒนาให้รองรับก่อนที่จะมีการประกาศมาตรการใหม่ออกมา