xs
xsm
sm
md
lg

ไม่จบ! “ป๋าเทพ” ฟาด “โน้ส อุดม” สูงกว่ากูแต่การพูดต่ำกว่ากู “ปู จิตกร” ชี้จุดอ่อน “เชียร์ลุง” “โบว์” วังวนสองขั้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ เทพ โพธิ์งาม ฟาด โน้ส อุดม แต้พานิช ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากไทยโพสต์
มาแล้ว “ป๋าเทพ” ผิดหวัง “โน้ส อุดม” ฟาดเจ็บ สูงกว่ากู แต่การพูดต่ำกว่ากูเสียอีก “พิธีกรดัง” “ปู จิตกร” สรุป 3 ข้อ แนะฝ่ายเชียร์ “ลุงตู่” เอาผลงานมาโต้ “โบว์” สะท้อนขัดแย้ง “สองขั้ว” เตือน “ฝ่ายรัก ปชต.” ระวังวนกลับที่เดิม

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จากกรณีทอล์กโชว์ “เดี่ยว 13” ของ โน้ส อุดม แต้พานิช ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่างดุเดือดเผ็ดร้อน ขณะที่โลกออนไลน์ได้แสดงความคิดเห็นทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก “ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ” โดย เทพ โพธิ์งาม ได้ไลฟ์สดถึงเรื่องนี้ ช่วงหนึ่งว่า

“เล่าเรื่องไอ้โน้ส อุดม แต้ มันพูดอะไรของมันก็ไม่รู้ มันจะบ้าหรือเปล่า เมื่อก่อนผมก็ดีนะมันก็ปั้นรูปอะไรให้เรานะตอนนั้น เราไม่รู้หรอกว่ามันเป็นคนอย่างงี้ การศึกษาความรู้มันช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ หรือวะไอ้โน้ส มันไม่ใช่

ไปติเค้าไปว่าเค้า มึงทำอะไรได้ดีกว่าผู้นำเค้าไหม มึงต้องพูดในสิ่งที่ดีบ้างอะไรบ้าง กูไม่คิดว่ามึงจะเป็นอย่างงี้นะ มันไม่ใช่แล้ว เรากำลังดีๆ อยู่ จะพลอยให้เราเสียไปด้วย เราต้องเอาความจริงมาพูด เราเป็นนักแสดงหรืออะไรก็แล้วแต่ เราอย่ามีเล่ห์มีเหลี่ยม ไม่ใช่มาเอาใจบางคน และเพื่อผลประโยชน์ของมึงเอง กูรู้เลยว่าผลประโยชน์ของมึง ที่มึงกล้าพูดแบบนี้ มึงคิดได้แค่นี้หรอ กูป.4 นะ กูว่ามึงคิดผิด

มึงพลาดกูจะบอกให้ มึงไม่เห็นหรอว่าเค้าทำอะไร เยอะแยะซะหมด ประโยชน์ของมึงทำให้มึงลืมตัว มึงสูงกว่ากูเยอะ แต่การพูดมึงต่ำกว่ากูอีกหรอ คำว่า รปภ. มึงไม่สมควร เค้าผิดอะไรมากมาย มึงถึงไปขนาดนั้น กูเคยชอบมึงนะ แต่มาพูดแบบนี้ไม่ถูกต้อง กูไม่ใช่จะรักประยุทธ์ แต่มึงพูดไม่ถูก ต้องดูว่ามันจริงหรือเปล่า

เดี๋ยวมึงจะดรอปลงเรื่อยๆ พวกสลิ่มเค้าชอบมึงเยอะ กูก็ชอบ แต่มึงมาพูดอย่างงี้กูอ่อนใจเลย เวลาบ้านเมืองวิกฤต ไม่เห็นจะมีใครโผล่มาช่วย พอเบาลงหน่อยโผล่กันมาเยอะแยะ จัดคอนเสิร์ตนู่นี่ พวกดาราส้น... พวกนี้ พอเบาๆ หน่อย ออกมาจากรูกันเต็ม มึงอยู่กันได้เพราะใคร ประยุทธ์เค้าทำมา นี่มันยุคประยุทธ์ มึงก็รู้อยู่ กูยังรักมึงอยู่ ไม่อยากให้มึงเสียคนตอนนี้ มันเกินไปแล้ว”

ภาพ โน้ส อุดม แต้พานิช “เดี่ยว 13” พาดพิง พล.อ.ประยุทธ์จนกลายเป็นกระแสร้อนทางโซเชียล
ขณะเดียวกัน ปู จิตกร บุษบา พิธีกรและคอลัมนิสต์ชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก กล่าวถึงกรณี โน้ส อุดม แต้พานิช ว่า

“สรุป : เมื่อนำความคิดเห็นของคนเหล่านี้มาเรียงเข้าด้วยกัน สิ่งที่เราควรเห็น คือ

1. ทุกคนคิดบน “จุดยืนทางการเมือง” ของตัวเอง ทำให้ไม่สามารถเห็น “ภาพรวมของเรื่อง” ได้ จนกว่าจะนำภาพหลายๆ ภาพ มาต่อกันกันดังที่ปรากฏในบทความนี้ ปัญหาคือ ทำอย่างไร ให้คนในสังคมไทยคิดจาก “ความรู้” โต้แย้งกันที่ “ตัวประเด็น” ก่อน “ตัวคน” และก่อน “ความรู้สึก”

2. เอาเฉพาะ “ความจริง” ปัจจุบันก็มี “ความจริงของใครของมัน” อีก เช่น ทักษิณ ชินวัตร มีพฤติกรรมคอร์รัปชันและใช้อำนาจในตำแหน่งนายกฯ เพื่อประโยชน์ของตนและครอบครัวมากมาย มีคำพิพากษาปรากฏให้อ่าน ให้ศึกษา คนจำนวนหนึ่งก็ยังเชื่อว่า ทักษิณดี เขาถูกกลั่นแกล้ง อยากให้เขากลับมา กรณี พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ต่างกัน พวกหนึ่งบอกท่านมีผลงานเยอะแยะ อีกพวกรวมทั้งโน้สด้วย บอกไม่มีผลงาน ทั้งๆ ที่เรื่องผลงานเป็นเรื่องรูปธรรมแท้ๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คนระดับนำในสังคมต้องช่วยกันทำ คือ นำพาผู้คน “ตีฝ่าความรู้สึก ชอบใจ/ขัดใจ” ไปสู่ความคิด ความรู้ และการโต้แย้งกันด้วยข้อเท็จจริง หลักการ เหตุผล ไม่ใช่ไม่ชอบที่ “เดี๋ยว 13 แขวะ” แต่ก็แขวะกลับเรื่องธรรมกาย เป็นต้น

3. จุดอ่อนของฝ่ายตอบโต้ คือ ไม่ได้ทำให้เกิดความจริงที่กระจ่างกว่าและน่าฟังกว่า ว่า พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล มีผลงานและมีประสิทธิภาพอย่างไร ตั้งมั่นอยู่บนความถูกต้องแบบไหน การไม่ลงลึก แต่พูดเอาขำอย่างฉาบฉวยและหมิ่นแคลนของโน้ส คือ ข้อได้เปรียบที่ฝ่ายตอบโต้พึงทำให้สูงส่งกว่า กระจ่างและละเอียดกว่า มีตรรกะเหตุผลได้มากกว่า ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่โน้สพูดหลายเรื่องเป็นเท็จ เป็นการบิดเบือน และด้อยค่าคนอื่นอย่างเลวทรามอย่างไร แต่ก็ไม่ได้ทำ

ถึงที่สุด โน้ส คือ คนที่ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ เพราะนี่คือการ “หากิน-หาเงิน” เป็นการทำมหรสพแบบเสียดสี ล้อเลียน หรือปัจจุบันนิยมใช้คำว่า “บูลลี่” ไม่ใช่การบรรยายทางปัญญา ไม่ว่าคุณจะฮาหรือไม่ฮา โปรดช่วยกันนำพาผู้คนไปสู่การถกเถียงกันอย่างมีวุฒิภาวะ นั่นจะเป็น “ความก้าวหน้า” และคุณค่าของการ “เหยียบขี้หมา” กองนี้ !!”

ภาพ นางสาวณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นางสาวณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” นักกิจกรรม นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

“เดี่ยว 13 ปังเพราะใคร?

น่าสนใจกับปรากฏการณ์ #เดี่ยว13 ที่ทำให้โลกโซเชียลลุกเป็นไฟ เพราะว่ากันว่า ทำการแสดงมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว แต่ไม่มีการพูดถึงหรือเป็นกระแสในวงกว้าง แน่นอนว่า การสตรีมมิ่งบน Netflix ทำให้เนื้อหาเข้าถึงคนได้มากขึ้น แต่ “จังหวะเวลา” และ “บริบททางการเมือง” ต่างหาก ที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็น Talk of the Town ตามคอนเซ็ปต์งานอย่างเหนือความคาดหมาย

ปฏิเสธไม่ได้ว่ากรณี “8 ปี” ทำให้คนที่ไม่เอาลุงตู่อยู่แล้ว “หมดความอดทน” และทำให้คนเคยเชียร์ส่วนหนึ่งเริ่มเปรยๆว่า “พอได้แล้วมั้ง” ส่งผลให้คอนเทนต์ที่ผ่านไปหลายเดือนแล้วก็ยังไม่ “เอาต์” เหมือนความแค้นที่สะสมไว้แต่หนไหน พูดถึงเมื่อไหร่ก็ไม่มีจืด

น่าคิดว่า ถ้าให้ “โน้ส อุดม” ขึ้นเวทีเดี่ยววันนี้เลย เอาปมนายกฯ 8 ปีมาผสมโรง จะเดือดได้กว่านี้ขนาดไหน

มองไปอีกฟาก ก็แรงไม่แพ้กัน กับ “คนรักลุง” ที่ออกมาถล่มอย่างหนัก ซึ่งก็น่าคิดว่าหลายเดือนก่อนตอน “พี่โน้ส” ขึ้นเวทีนั้น ในหมู่คนฟังซึ่งเป็นคนชั้นกลางในเมืองก็ต้องมีกองเชียร์ลุงปนอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ยักมีกระแสต้านโน้ส รุนแรงแบบวันนี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่เมื่อลุงตู่อยู่ในช่วงนับเวลาถอยหลัง ขณะที่ค่าย “ทักษิณ” ก็รุกหนักกับการแสดงความพร้อมกลับบ้านตลอดเวลา ความหวั่นไหวก็ก่อตัวขึ้นจนรู้สึกว่าต้องป้องลุงกันสุดชีวิต

เผยให้เห็นความขัดแย้งสองขั้วที่ยังไม่จากสังคมไทยไปไหน ยังคงวนเวียนอยู่ที่เดิม และอาจเป็นวงจรคู่สังคมต่อไป ถ้าไม่มีทางใหม่ๆให้เลือกเดิน

วันนี้คนในขั้วอนุรักษนิยมอาจต้องเริ่ม “คิดนอกกรอบ” มองหาคนใหม่ๆ มา “ขับเครื่องบิน” อาจไม่ต้องถึงกับข้ามขั้ว แต่ต้องยอมรับว่าทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เวลาของ 3 ป. หมดลงแล้ว

ในขณะที่ค่ายคนรักประชาธิปไตยทั้งหลาย ต้องตัดสินใจว่า ศึกนี้จะเลือกใครมานำทัพ เพื่อไม่ให้สังคมวนกลับไป “ที่เดิม”

เผื่อ “พี่โน้ส” จะได้มีกัปตันคนใหม่ๆ ให้พูดถึงบ้าง ใน “เดี่ยว 14” ถ้าไม่ถูกอุ้มไปปรับทัศนคติซะก่อน”

แน่นอน, นี่คือ สิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นว่า กระแสเบื่อประยุทธ์ หรือ ไล่ประยุทธ์ ไม่ได้เห็นพ้องต้องกันของคนไทย เพราะยังมีฝ่ายที่พร้อมปกป้อง “ลุงตู่” ออกมาให้เห็น ไม่ต่างจากฝ่ายที่โจมตี และเบื่อหน่าย

นั่นแสดงว่า ความขัดแย้งทางการเมืองต่างหาก ที่เป็นตัวปลุกปั่นกระแสทางสังคม ไม่ว่ากระแส “รัก” หรือ กระแส “เกลียด” ดังนั้น เมื่อเป็นความขัดแย้ง และมีขั้วขัดแย้ง เรื่องนี้ จึงจบไม่ลง เพราะมีความคิดต่างในเรื่องเดียวกันนั่นเอง

ความจริงตามหลักประชาธิปไตย การมีความเห็นต่างของผู้คนในสังคมไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และไม่ผิดกฎหมายด้วย หากไม่เอาความเห็นต่าง ไปทำผิดกฎหมาย หรือ ละเมิดสิทธิของคนอื่น ก็แค่นั้นเอง

ส่วนเรื่องความขัดแย้งแตกแยกในสังคมไทย ถือว่า เป็นเรื่องใหญ่ และมีความซับซ้อนมากขึ้น ไม่แต่เฉพาะการแบ่งขั้ว เลือกข้างทางการเมือง หากแต่มีเป้าใหญ่ เพดานที่สูงขึ้น ในการต่อสู้เรียกร้อง ซึ่งกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างฝ่ายอนุรักษ์ กับฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า ก้าวหน้า หรือ ระหว่าง “คนรุ่นเก่า” กับ “คนรุ่นใหม่” ที่มีทัศนคติและอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกัน

ส่วนจะคลี่คลายได้อย่างไร นี่คือ ประเด็นท้าทาย ที่คนไทยจะต้องช่วยกัน เพราะไม่เช่นนั้น โอกาสขัดแย้งรุนแรงในอนาคตอันใกล้มีความเป็นได้สูง ถึงวันนั้นอาจจะสายเกินไปเสียแล้ว ก็ไม่แน่เหมือนกัน!?


กำลังโหลดความคิดเห็น