ข่าวปนคน คนปนข่าว
**Forex3D ทำยุ่ง อัยการสูงสุดสะดุ้ง "เบิ้ล-ปทุมราช" เอ่ยตำแหน่งญาติผิด เกือบพาชีวิตเปลี่ยน!!
คดีแชร์ลวงโลก Forex 3D ยังเป็นที่สนใจของสังคมอย่างต่อเนื่อง
จากกรณีของ"เบิ้ล ปทุมราช" นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เจ้าของเพลง "อ้ายมีเหตุผล" ที่ถูกโยงว่าเป็น นักร้องอักษรย่อ "บ." เข้าไปพัวพันกับบุคคลในเครือข่ายแชร์ Forex-3D จนเจ้าตัวต้องกุมขมับ หา"เหตุผล" มาแจงหลายครั้ง และยืนยันพร้อมให้ตรวจสอบ แต่ก็มิวายเจอหน้านักข่าว สื่อก็ถามหาเหตุผลเชื่อมโยงว่า เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร ?
ระหว่างร่วมงานประกาศรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 30 ประจำปี 2564 ที่โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย สยามพารากอน เมื่อวันก่อน “เบิ้ล-ปทุมราช” ก็ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง โดยช่วงหนึ่งระบุว่า ได้มีการปรึกษาคุณอาที่เป็น "อัยการสูงสุด" อยู่แล้วว่า ถ้ามีกรณีแบบนี้ต้องทำยังไง เพราะมีการโยง มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของชื่อด้วย
ที่มาของเรื่องนี้ เพราะว่า มีข่าวว่า “เบิ้ล” นั้น รับเงิน “แม่พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ไปสร้างหนัง 2 ล้าน ขณะที่ก็ยอมรับว่า ได้ลงทุน Forex-3D จริง ถือว่าเป็นผู้เสียหายรายหนึ่งเพียงแต่ตัดสินใจไม่แจ้งความ
“เบิ้ล” นั่งยันนอนยันว่าไม่ได้บอกว่า ไม่เกี่ยว แต่เพราะอยู่ในวงการบันเทิง ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติ ส่วนเรื่องการจะทำ หรือไม่ทำ เขารู้ดีที่สุด
ฟังดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอข่าวแพร่ออกไป สํานักงานอัยการสูงสุดได้ร่อนคำแถลงถึงสื่อ งานนี้ก็ย้อนกลับไปที่ นักร้องหนุ่มทันที เพราะ ที่ “เบิ้ล”บอกปรึกษา "อา" ที่เป็นอัยการสูงสุดนั้น.. มันบ่แม่นเด้อ!!
สำนักอัยการสูงสุด บอกว่า ตามที่ได้มีสื่อมวลชนนําเสนอข่าวกรณีบุคคลมีชื่อเสียงเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีแชร์ Forex-3D และบุคคลดังกล่าวอ้างว่า มีอัยการสูงสุดเป็นที่ปรึกษา คอยให้คําแนะนํา และดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้นั้น
สํานักงานอัยการสูงสุดขอเรียนต่อสื่อมวลชนว่า “นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน” อัยการสูงสุด ไม่ใช่ญาติ ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยให้คําแนะนํา ไม่ได้เป็นที่ปรึกษา และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด
พลันนี้ งานก็เข้า “เบิ้ล ปทุมราช” เต็มๆ ต้องเคลื่อนไหวโพสต์ข้อความ ขอโทษ ขออภัย
“ผม เบิ้ล ปทุมราช กราบขออภัยในบทสัมภาษณ์ล่าสุด ที่กระผมได้เอ่ยตำแหน่งผิด จนก่อให้เกิดความผิดพลาด ความเสียหายไปถึงอัยการสูงสุด จนเกิดเป็นข่าว
“บทสัมภาษณ์ของผมจะสื่อถึงในการปรึกษาผู้ใหญ่เกี่ยวกับการเตรียมตัว เมื่อดีเอสไออยากจะมาตรวจสอบบัญชีการเงินของผม
“ผมสัมภาษณ์โดยที่ไม่ได้เตรียมตัว และพูดความจริงในสิ่งที่คิดและได้เอ่ยออกไป เพียงแต่คำบางคำที่ผมได้เอ่ยไป อาจจะเรียบเรียงคำพูดด้วยความหมายรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมกราบขอโทษ และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ส่วนการที่ผมปรึกษา เป็นเพียงการปรึกษาเพื่อเตรียมตัวให้ตัวเองพร้อมและมีสมาธิในการเรียนรู้และตอบคำถาม ไม่ได้ปรึกษาเพื่อดูแลคดีแต่อย่างใด ผมยินดีให้เข้ามาตรวจสอบผมด้วยความบริสุทธิ์ใจ และหวังว่าข่าวสารและเรื่องต่างๆ จะจบลงด้วยดี
“ผมรักในอาชีพที่สุจริตของผม และเคารพคำแนะนำ รวมถึงข่าวทุกสำนักที่ลงเกี่ยวกับผม และขอให้เรื่องผ่านไปด้วยดี”
นี่ก็เป็นเรื่อง Forex 3D ทำวุ่นจริงๆ อัยการสูงสุดถึงกับสะดุ้ง “เบิ้ล ปทุมราช” เอ่ยถึงตำแหน่งอาผิดพลาด เกือบดรามาพาชีวิตทั้งคู่เปลี่ยนไปแล้วมั้ยล่ะ!!
**ผสมพันธุ์การเมือง “สุวัจน์-กรณ์” กำเนิดพรรคใหม่ชื่อ “ชาติพัฒนากล้า”
เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา “กรณ์ จาติกวณิช”หัวหน้าพรรคกล้า กับ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรคชาติพัฒนา จับมือกันให้ช่างภาพถ่ายรูป หลังแถลงข่าวประกาศความร่วมมือทางการเมือง แต่ยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดว่าความร่วมมือครั้งนี้จะออกมาในรูปไหน
ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองคาดการณ์กันว่า ชื่อชั้นระดับ “กรณ์” เคยเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจ น่าจะเป็นจุดขายได้ หากมีการรวมพรรคก็น่าจะรั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ชูขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียก “กระแส” ขณะที่ ”สุวัจน์” คอยให้การสนับสนุนเรื่อง “กระสุน”
เรียกได้ว่าน่าจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ... คนหนึ่งเป็นมือเก๋าทางการเมือง อีกคนก็เป็นมืออาชีพทางด้านเศรษฐกิจ
ถึงวันนี้ชัดเจนแล้ว เมื่อพรรคชาติพัฒนาจัดการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อปรับโครงสร้าง แต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคในตำแหน่งที่ว่าง ปรับปรุงภาพลักษณ์องค์กร และแต่งตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. ... การประชุมครั้งนี้ มีตำแหน่งว่างที่ต้องเลือกใหม่ คือ รองหัวหน้าพรรค 2 คน , รองเลขาธิการพรรค 1 คน และกรรมการบริหารพรรค 1 คน
ขณะที่ “กรณ์ จาติกวณิช” ก็พาพลพรรคที่ลาออกจากพรรคกล้าประมาณ 40 คน แล้วไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนา แต่สมาชิกกลุ่มนี้ ถูกกันอยู่วงนอก ไม่ได้เข้าร่วมอยู่ในที่ประชุมด้วย
หลังการเสนอชื่อและเลือกคณะผู้บริหารเสร็จสิ้น ปรากฏว่า “กรณ์” ที่เคยได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค หรือตำแหน่งใหญ่ที่สมน้ำสมเนื้อ กลับได้เป็นเพียง “กรรมการบริหารพรรค” ... แม้แต่ “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” ซึ่งเคยเป็นถึงเลขาธิการพรรคกล้า ก็ได้เป็นเพียงสมาชิกพรรคธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อนักข่าวถามถึงเรื่องการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจาก “เทวัญ ลิปตพัลลภ” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ที่ก่อนหน้านี้คาดหมายว่าเขาจะสละตำแหน่งนี้ให้ “กรณ์” ก็ได้รับคำตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ฐานผมยังแน่น”... แต่ถ้าจะให้บอกให้ยาวกว่านี้ก็น่าจะประมาณว่า... ก็ผมเป็นเจ้าของบ้าน คุณแค่มาอาศัยแล้วจะให้ผมยกบ้านให้คุณเลยหรือ ??
นอกจากนี้ ยังมีไฮไลต์ที่ชื่อพรรค เมื่อมีการควบรวม ก็ต้องเปลี่ยนชื่อพรรคใหม่... “สุวัจน์” บอกว่า ชาติพัฒนา ความหมายดี ต้องคงเอาไว้ แต่ต้องการปรับปรุงให้ชัดเจน ถึงความมุ่งหมายในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ... มีคนเสนอชื่อหลากหลาย ทั้ง ชาติพัฒนาเศรษฐกิจ, กล้าชาติพัฒนา, พัฒนากล้า, ชาติพัฒนาไทย , กล้าพัฒนา , ชาติกล้า , พัฒนาทั้งชาติ หรือ พัฒนาตลอดชาติ สุดท้ายก็มีการลงมติ ปรากฏว่า ชื่อที่ได้คะแนนสูงสุดคือ “ชาติพัฒนากล้า” โดยได้ 259 คะแนน จากผู้ร่วมประชุมสามร้อยกว่าคน
“ชาติพัฒนากล้า” เป็นการเอาชื่อเดิมของทั้งสองพรรคมารวมกันแบบทื่อๆ โยยึดคำว่าชาติพัฒนาเป็นหลัก ก็เลยเป็นที่ครื้นเครงในโซเชียลฯ
...เปลี่ยนทั้งทีน่าจะให้ดูดีกว่านี้หน่อย ...แทนที่จะตั้งชื่อกล้าพัฒนาชาติ ก็ไม่เอา ... ดูชื่อพรรคก็เห็นเลยว่าแบ่งกันคนละขั้ว คนละฝ่ายชัดเจน ...ขนาดชื่อยังไม่ยอมกัน 555... เห็นชื่อก็ฮาแล้วท่านผู้โชม ...พัฒนาต้นกล้าปลูกข้าวมั๊ง ชื่อแปลกๆ ...เพราะไม่กล้าถึงได้หลบอยู่ข้างหลัง ถ้ากล้าจริงขึ้นหน้าไปแล้ว ...
คนในพรรคเองก็คงรับรู้ได้ว่า ชื่อ “ชาติพัฒนากล้า” มันทะแม่งๆชอบกล ก็เลยติดแฮชแท็ก # กล้าพัฒนาชาติ เพิ่มลงไปด้านล่างของชื่อพรรค เวลาอ่านชื่อพรรคเสร็จแล้วต่อด้วยข้อความที่ติดแฮชแท็ก เหมือนอ่านย้อนจากหลังไปหน้า ...เออค่อยดูดี มีคงวามหมายขึ้นมาหน่อย
การจับมือร่วมงานการเมืองระหว่าง “กรณ์ -สุวัจน์” ครั้งนี้ แค่ดูจากตำแหน่งในพรรค และชื่อพรรคที่เปลี่ยนใหม่ ก็เห็นชัดว่าใครที่ตกเป็นเบี้ยล่าง ...ฝันไปเถอะตำแหน่งหัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกฯ
งานนี้คนวงในเปรยด้วยสำเนียงไทยโคราชว่า “ก็มาแต่ตัว ได้แค่นี้ก็ดีแล้วถัวะ”