กมธ.คู่ชีวิต เตรียมสรุปก่อนส่งสภา บรรจุวาระ 2-3 พ.ย.นี้ เผย รัฐต้องทบทวนกฎหมายรองรับอย่างน้อย 70 ฉบับ ชี้ ไทยจะเป็นประเทศแรกในเอเชียที่เปิดกว้างให้ทุกเพศจัดทะเบียนคู่ชีวิต
วันนี้ (21 ก.ย.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ โฆษกคณะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คู่ชีวิต สภาผู้แทนราษฎร แถลงความคืบหน้าการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวของ กมธ.คู่ขนานไปกับร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ว่า กมธ. ได้กำหนดการปรับแก้ให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ ขณะนี้ได้พิจารณาถึงบทเฉพาะกาลแล้ว โดยเพิ่มบทเฉพาะกาลในมาตรา 47 โดยมีการกำหนดให้หน่วยงานรัฐ ที่รับผิดชอบต่อการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พิจารณาทบทวนกฎหมายและความรับผิดชอบ สิทธิ หน้าที่ สถานะตามกฎหมาย หรือเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับสามี ภรรยา หรือคู่สมรส เพื่อรองรับสิทธิและสถานะทางกฎหมาย หรือเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวข้องให้แก่คู่ชีวิต โดยต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับเพศสภาพของคู่สมรส และคู่ชีวิตด้วย โดยไม่จำเป็นต้องจำกัดเพศชายและหญิงเท่านั้น รวมทั้งให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการทบทวน พร้อมทั้งแก้ไขกฎหมายอื่นๆ อย่างน้อย 70 ฉบับ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 180 วัน นับตั้งแต่มี พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ เพื่อเตรียมการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องในอนาคตต่อไป
นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ยังมั่นใจว่า สภาจะได้พิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ในวาระที่ 2 และ 3 แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะไม่แน่นอน และเป็นช่วงปลายของวาระสภาที่จะสิ้นสุดวาระในเดือนมีนาคม 2566 โดยคาดว่า กมธ.จะรีบเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในสมัยประชุมหน้าเดือนพฤศจิกายนนี้ ยืนยันว่า ในการพิจารณาของ กมธ. มีความเห็นแย้งระหว่างกันบ้าง แต่ถือว่าน้อยที่สุด จึงขอให้ประชาชนวางใจได้ และหลายประเทศ ยังได้ติดตามความเคลื่อนไหวในการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ของ กมธ. เช่น ประเทศสิงคโปร์ ที่ได้เดินทางมาติดตามการพิจารของ กมธ.ด้วย และหากสภาให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้เป็นกฎหมาย ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในเอเชีย ที่จะเปิดกว้างให้บุคคลทุกเพศ มีการจดทะเบียนคู่ชีวิต
