ข่าวปนคน คนปนข่าว
**มีคนสะดุ้ง “ลุงสมคิด” ปาฐกถา 88 ปี มธ. ฟาดประชาธิปไตยเวอร์ชันแจกกล้วย ไม่อายฟ้าดินสร้างเกราะแสวงประโยชน์การเมือง
นานๆ ออกมาพูดที ก็ทำเอาสะเทือนไปทั้งวงการได้เหมือนกัน เมื่อวาน “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ไปกล่าวปาฐกถา ในหัวข้อ “88 ปี ธรรมศาสตร์กับสังคมไทย” เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ครบรอบ 88 ปี พร้อมรับมอบเข็มเกียรติยศ ประจำปี 2565 ในฐานะผู้ทรงเกียรติที่ควรค่า
เนื้อหาของการพูด หลักใหญ่ใจความก็เป็นเรื่อง จิตวิญญาณความเป็นธรรมศาสตร์ ในฐานะศิษย์เก่าที่เคยศึกษาเล่าเรียน ณ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ช่วงประชาธิปไตยเบ่งบาน พ.ศ. 2516-2519 และมีอิทธิพลต่อความคิด จนทำให้ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองในเวลาต่อมา
ความตอนหนึ่ง อาจารย์สมคิด บอกว่า “บริบทบ้านเมืองในอดีตหล่อหลอมให้จิตวิญญาณธรรมศาสตร์เน้นหนักในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และความเป็นเสรี และการต่อสู้นั้น ก็กลายเป็นตำนานเล่าขานสืบต่อมารุ่นต่อรุ่น แต่หากเรามองไปข้างหน้า กับปัญหาใหม่ๆ ที่บ้านเมืองกำลังเผชิญ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แม้จะเป็นเงื่อนไขที่จำเป็น แต่คงไม่ใช่เงื่อนไขที่เพียงพอเสียแล้วกับการที่จะช่วยให้ลูกหลานของเราได้มาซึ่งอนาคตที่ดีกว่า
“เพราะแม้แต่ประชาธิปไตยที่ชาวธรรมศาสตร์พยายามต่อสู้มาตลอด 88 ปี ผมว่า ชาวธรรมศาสตร์ คงจินตนาการไปไม่ถึงและคงไม่ต้องการเห็นประชาธิปไตย ในเวอร์ชันแจกกล้วยเป็นหวี อย่างเป็นล่ำเป็นสัน ไม่อายฟ้าดินอย่างที่เป็นข่าว และถูกใช้เพียงเพื่อเป็นเกราะในการแสวงประโยชน์ทางการเมือง
“และชาวธรรมศาสตร์คงไม่ต้องการให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่เพียงเอื้ออำนวยให้คนเพียง 1% แต่เป็นเจ้าของสินทรัพย์ของประเทศมากกว่า 60% ในขณะที่คนไทย 99% เป็นเจ้าของสินทรัพย์เพียง 30 กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น หรือประชาธิปไตยที่ถูกออกแบบให้สร้างความไม่เท่าเทียมทางการเมือง ซึ่งวันหนึ่งอาจนำไปสู่วิกฤตการการเมืองครั้งใหญ่ได้ หรือเราจะพอใจกับประชาธิปไตยแบบนี้
“แต่เด็กรุ่นใหม่นั้น เขารับไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีไฟ แต่เขาไม่สนใจหรอกที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่เขาคิดว่าไม่ใช่ เขาจะหันหลังให้เสียด้วยซ้ำ แต่พวกเขาจะกลับมามีความกระตือรือร้นหากเป็นการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่เขาต้องการ ผมเคยถามคนรุ่นใหม่ เขาเรียกประชาธิปไตยที่เขาเห็นตั้งแต่เล็กจนโตว่า 4 second democracy แค่ 4 วินาที ที่คุณหย่อนบัตร หลังจากนั้น ก็หมดไป แต่เขาต้องการสู้ให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เรียกว่า deliberative democracy ที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมืองมากขึ้น ได้ร่วมถกแถลงในประเด็นปัญหาต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ หาข้อสรุปเพื่อโน้มน้าวกลุ่มผู้เห็นต่าง นั่นแหละคือสิ่งที่จะทำให้พวกเขาจะมีแรงบันดาลใจในการต่อสู้และเข้าร่วมอย่างแข็งขัน เราต้องร่วมกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ไปถึงจุดนั้นจุดที่ประชาธิปไตยเป็นของปวงชนไม่ใช่ของกลุ่มการเมืองไม่กี่กลุ่ม หรือครอบครัวไม่กี่ตระกูล”
นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคำกล่าวของ “อาจารย์สมคิด” ซึ่งก็สะท้อนความเป็นจริงของการเมืองบ้านเรา แบบกล้าท้าเลยว่า ผิดตรงไหนเอาปากกามาวง เพราะมันไม่ผิดเลย โดยเฉพาะคำว่า “ประชาธิปไตยเวอร์ชันแจกกล้วย” ที่เข้ากับสถานการณ์โหมโรงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพอดี คนที่เตรียมจะแจกกล้วยเพื่อเป็นเกราะรักษาประโยชน์ทางการเมือง ก็คงจะสะดุ้งกับคำพูดของ “อาจารย์สมคิด” ไม่น้อย
**เป็นฝังเป็นฝาเสียที!! “โอ๊ค พานทองแท้” แต่งเงียบ เรียบง่าย เจ้าสาวผู้บริหารโรงแรม SC PARK พ่อทักษิณ-อาปู อวยพรจากแดนไกล
หลังจากมีข่าวซุบซิบของคนในพรรคเพื่อไทย ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาถึงตอนนี้ ว่า “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี กับ “หญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ได้เข้าสู่ประตูวิวาห์เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ตามข่าวบอกว่า “โอ๊ค” กับหวานใจ มีการคบหากันมาได้ระยะหนึ่ง และได้จัดพิธีแต่งงานแบบเรียบง่าย ขึ้นที่บ้านพักย่านคันนายาว กทม. โดยผู้เข้าร่วมงานมีเพียงผู้ใหญ่ และญาติสนิทของทั้ง 2 ฝ่ายเท่านั้น โดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เป็นผู้ใหญ่ของฝ่ายเจ้าบ่าว ขณะที่ นายทักษิณ ได้วิดีโอคอล เข้ามาสู่ขอเจ้าสาวให้นายพานทองแท้ ด้วย
เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ทำให้ ส.ส.และแกนนำพรรคเพื่อไทย ต่างพยายามเช็กข่าวว่าเป็นจริงหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจพอสมควร เนื่องจาก “โอ๊ค” พานทองแท้ นั้นเป็นถึงลูกชายคนโตของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ผ่านมา ในส่วนของ “เอม” พินทองทา และ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ลูกสาวทั้งสองคน ก็มีการจัดงานวิวาห์อย่างยิ่งใหญ่ สมเกียรติ
แต่ทำไมเมื่อถึงคิวของ “พานทองแท้” ลูกชายคนโต กลับไม่มีการแจ้งข่าวให้บุคคลภายนอกรับรู้แต่อย่างใด ส่งผลให้คนในพรรคเพื่อไทย ป้องปาก วิพากษ์วิจารณ์ ถึงสาเหตุของการจัดงานแต่งงานอย่างกะทันหัน แถมปิดลับในครั้งนี้
แล้วในที่สุดก็เป็นที่เปิดเผยออกมาว่า เจ้าสาวของ “โอ๊ค” ก็คือ “น.ส.ณัฐฐิญา ปวงคำ” ผู้บริหารโรงแรม SC PARK ...โรงแรมที่ก่อนหน้านี้บรรดากลุ่มคนเสื้อแดง ใช้เป็นสถานที่จัดอีเวนต์ ทั้งการเมือง และธุรกิจ ของตระกูลชินวัตร มาโดยตลอด ...โรงแรมที่ “กี้ร์” อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำแดง โรยตัวหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเป็นภาพข่าวฮือฮาเมื่อครั้งโน้น
โดยการจัดพิธีสมรสครั้งนี้ เป็นไปอย่างเรียบง่าย ที่บ้านพัก เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีเพียงผู้ใหญ่ และญาติสนิทของทั้ง 2 ฝ่ายเท่านั้นเข้าร่วมงาน โดย “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นพ่อ และ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ผู้เป็นอา ได้วิดีโอคอลเข้ามาแสดงความยินดี อวยพร คู่บ่าวสาว ด้วย
ก็นับว่าเป็นข่าวที่น่ายินดี ที่ “โอ๊ค” ได้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียที