xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ อุ๊งอิ๊ง คนไทยต้องการแบบนี้ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

ผลสำรวจของ “นิด้าโพล” เมื่อสองสามวันก่อน ที่ระบุออกมาว่า คนไทยต้องการให้ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร “ลูกสาวคนเล็ก” ของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ด้วยเปอร์เซ็นต์ที่สูงลิ่ว ทิ้งห่างคนที่มาอันดับสาม คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หลายช่วงตัว (อันดับสองเห็นว่ายังไม่มีใครเหมาะสม) และอันดับสี่ เป็น “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตามมาแบบห่างออกไปอีก ส่วนคนอื่นที่เหลือคงไม่ต้องพูดถึงเพราะห่างกันเกินไป

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 2/2565” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20-23 มิถุนายน 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาคระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 2,500 หน่วยตัวอย่าง

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 25.28 ระบุว่า เป็นน.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคทำได้จริง ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตร และเป็นบุตรสาวของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร

อันดับ 2 ร้อยละ 18.68 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้

อันดับ 3 ร้อยละ 13.24 ระบุว่า เป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ชื่นชอบอุดมการณ์ทางการเมือง และชื่นชอบนโยบายของพรรคก้าวไกล

อันดับ 4 ร้อยละ 11.68 ระบุว่า เป็น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ นโยบายสามารถช่วยเหลือประชาชนได้จริง และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง อันดับ 5 ร้อยละ 6.80 ระบุว่า เป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ ชื่นชอบผลงานในอดีต มีประสบการณ์ด้านการบริหาร ซื่อสัตย์สุจริต ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ

อันดับ 6 ร้อยละ 6.60 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริงทำจริง น่าเชื่อถือ มีความซื่อสัตย์สุจริต และเชื่อมั่นในการทำงาน อันดับ 7 ร้อยละ 4.20 ระบุว่า เป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เพราะ มีความรู้ ความสามารถ ตั้งใจในการทำงาน ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบแนวคิดและทัศนคติในการทำงาน อันดับ 8 ร้อยละ 3.76 ระบุว่า นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคกล้า) เพราะ มีความรู้ความสามารถ เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ มีประสบการณ์ด้านการบริหาร ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา อันดับ 9 ร้อยละ 2.92 ระบุว่า เป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนที่พูดจริงทำจริงและมีความน่าเชื่อถือ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา อันดับ 10 ร้อยละ 1.68 ระบุว่า เป็น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพราะ มีความรู้ความสามารถ เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เป็นคนที่พูดจริงทำจริงและมีความน่าเชื่อถือ ขณะที่บางส่วนระบุว่า เชื่อมั่นในการทำงาน อับดับ 11 ร้อยละ 1.56 ระบุว่า เป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะ ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา และชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 12 ร้อยละ 1.52 ระบุว่า เป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบนโยบายพรรคภูมิใจไทย

ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 36.36 ระบุว่า เป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 18.68 ระบุว่า ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย อันดับ 3 ร้อยละ 17.88 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 7.00 ระบุว่า เป็น พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 5 ร้อยละ 6.32 ระบุว่า เป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 3.04 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 7 ร้อยละ 2.96 ระบุว่า เป็น พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 8 ร้อยละ 2.68 ระบุว่า เป็น พรรคกล้า อันดับ 9 ร้อยละ 2.56 ระบุว่า เป็น พรรคภูมิใจไทย และร้อยละ 2.52 ระบุอื่นๆ ได้แก่ พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคไทยภักดี พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคไทยศรีวิไลย์ และพรรคครูไทยเพื่อประชาชน

หากผลสำรวจดังกล่าวได้ตามมาตรฐานทางวิชาการจริง มันก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไป น่าจะมีแนวโน้มสูงว่าจะเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านนวัตกรรม และการมีส่วนร่วมพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เนื่องจากผลสำรวจที่ออกมาทั้งตัวบุคคล และพรรคต่างได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง ทิ้งห่างอันดับสอง และสามหลายช่วงตัว

แม้ว่าผลสำรวจที่ออกมาอาจจะไม่ได้เหนือความคาดหมายมากเกินไปนัก เพราะที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยก็มักได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่งทุกครั้งที่มีการสำรวจออกมา และครั้งนี้มันก็เหมือนการตอกย้ำให้เห็นถึงแนวโน้มที่ว่านั้นจะเป็นจริงยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน แม้ว่าในทางการเมืองย่อมมีหลายองค์ประกอบ รวมไปถึงเส้นทางข้างหน้ายังมีเวลาอีกพอสมควร อาจเกิดเหตุพลิกผันในชั่วข้ามคืน ซึ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ แต่เวลานี้น่าจะเป็นไปทิศทางแบบนั้นแล้ว โอกาสที่พวกเขาจะชนะการเลือกตั้ง ส่วนจะเป็นแบบ “แลนด์สไลด์” หรือไม่ ค่อยมาว่ากันอีกที

อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันในสถานการณ์วันหน้า หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง สามารถจัดตั้งรัฐบาล และมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็น “นายกรัฐมนตรีหญิง” คนที่สองของครอบครัว “ชินวัตร” ก็ต้องถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นอีกครั้ง เพราะจะเป็นนายกฯหญิงที่ “อายุน้อยที่สุด” น้อยกว่า “อาปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเสียอีก

และแน่นอนว่า นี่คือ เจตนาของชาวบ้านที่สะท้อนผ่านผลสำรวจที่ออกมาล้วนๆ โดยไม่ต้องไปพูดถึงความเหมาะสม หรือปัจจัยอื่นใด เพราะหากประชาธิปไตยเสียงข้างมากต้องการแบบนี้ มันก็ต้องปล่อยไป คงไม่มีใครไปขัดขวางได้แน่นอน ขณะเดียวกันหากพิจารณาในอีกมุมหนึ่งการเข้ามาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มันก็เหมือนกับการได้พิสูจน์ฝีมือของคนในตระกูลนี้ ภายใต้ “ทักษิณคิด” มันเจ๋งจริงหรือไม่ และหากเป็นไปได้ก็สมควรให้พวกเขาได้มีโอกาสได้ทำงานเป็นรัฐบาลให้ครบวาระ 4 ปีไปเลย แม้ว่าภายใต้สถานการณ์ เศรษฐกิจที่เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น น่าจะผ่านพ้นวิกฤตระดับโลก ทั้งวิกฤตโรคระบาดโควิดที่คลายลงกว่าเดิมมาก รวมทั้งวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ถึงตอนนั้นก็น่าจะคลี่คลาย (หรือวิกฤตกว่าเดิม) ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็ได้เวลาทดสอบจริงเสียที

ขณะเดียวกัน มองอีกมุมหนึ่ง มันก็เป็นผลดีเหมือนกัน ที่จะได้ “บ่งหนอง” ของบ้านเมืองให้เสร็จสิ้นกันไปสักที จะได้ไม่ต้องมาติดหล่มต่อสู้อยู่กับ “ระบอบทักษิณ” กลายเป็นภาพหลอนมานานกว่ายี่สิบปี ไม่ต้องลากยาวกันอีกต่อไป ไม่ต้องคุยโม้กันอีกต่อไปว่า “เหนือกว่าคนอื่น” ทำให้เงินในกระเป๋ามากขึ้น ทำให้คนไทยรวยขึ้น ถึงตอนนั้นก็ได้เวลาทำให้เต็มที่ เอาให้ยาวไป ให้ครบวาระสี่ปี จะได้รู้เรื่องกันไปเลย

และแม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่านี่เป็นความเสี่ยงของบ้านเมืองไม่สามารถทนได้ แต่จะทำอย่างไรได้ หากนี่คือระบอบประชิปไตยที่ต้องมีการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก ก็ต้องปล่อยไป ให้มีการพิสูจน์ให้ชัดเจน ซึ่งอีกมุมหนึ่งหากต้องการ “กำจัด” ระบบทักษิณ ให้หมดไป มันก็ต้องมีวิธีนี้เท่านั้น แต่หากพวกเขาทำได้ดี ก็ต้องปล่อยไป ยาวไปเลย !!


กำลังโหลดความคิดเห็น