สมาชิกเสรีรวมไทย งัดหลักฐานโต้ “เรืองไกร” ยัน ส.ส.รัฐบาล-ส.ว. ผิด พ.ร.บ.วินัยเงินคลังรัฐ ช่วงงบฯปี 65 ลามซัด “บิ๊กตู่” โกหกคำโต ดึงเงิน PPP โปะงบลงทุน ลั่นเจอแฉต่อศึกซักฟอกแน่
วันนี้ (27 มิ.ย.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กล่าวถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ โฆษก กมธ.งบฯ ปี 66 ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิด นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.ที่ลงมติผ่านวาระ 2-3 ของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ส่งผลให้งบลงทุนต่ำกว่าร้อยละ 20 ขัด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พร้อมโชว์หลักฐานตัวเลขต่างๆ ว่า แบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1. ยอดของตัวเลขงบลงทุนในปี 2565 เท่ากับ 19.70 เปอร์เซ็นต์ และ 2. ตัวเลขของงบลงทุนจะต้องไม่น้อยกว่ายอดเงินกู้ที่กู้มาชดเชยการขาดดุลงบประมาณคือ 700,000 ล้านบาท แต่ตัวเลขงบลงทุนปี 65 คือ 611,933.4 ล้านบาท ถือว่าตัวเลขงบลงทุนต่ำกว่ายอดเงินกู้ นับว่าผิดกฎหมายชัดเจนทั้ง 2 กรณี และหากเปรียบเทียบกับงบฯปี 66 ที่รัฐบาลทำงบลงทุนเกินกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงยอดเงินลงทุนมากกว่ายอดของเงินกู้ ถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ
“นายเรืองไกร บอกว่า นพ.ชลน่าน และ ส.ส.ที่ลงมติ จะต้องรับผิดชอบ เพราะผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ผมจึงไปดูในการลงมติของ ส.ส.เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2564 ปรากฏว่า ส.ส.ลงมติผ่านวาระ 3 ด้วยคะแนนเสียง 257 ต่อ 189 ซึ่ง 257 เสียง คือ ส.ส.ฝั่งรัฐบาล และอาจมีฝ่ายค้านงูเห่าร่วมลงมติ เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวกับฝ่ายค้านเลยที่ลงมติ 189 เสียง นายเรืองไกร อาจมองผิดไป ข้อเท็จจริงคือ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ขณะเดียวกัน เมื่อผ่านการลงมติของ ส.ส.แล้ว จะต้องไปผ่าน ส.ว.ภายใน 20 วัน ซึ่งเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2564 ปรากฏว่า ส.ว.ใช้เวลาประชุมอภิปรายเพียง 6 ชั่วโมง ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 ด้วยคะแนนเสียง 200 ต่อ 0 เป็นเอกฉันท์ หากจะมองในมุมว่า ส.ส. และ ส.ว.ต้องรับผิดชอบ นี่คือ ตัวเลขที่จะต้องเอาไปยืนยันกันว่าใครบ้างที่ลงมติ และเรื่องนี้จะคงประเด็นที่จะนำเอาไปอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย หากรัฐบาลจะบอกว่ามันเป็นขั้นตอนของสภา แต่ในฐานะที่เป็นคณะรัฐมนตรี และทูลเกล้าฯขึ้นไป ก็ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะประธาน กมธ.ก็เป็น รมว.คลัง และในชั้น กมธ.ฝ่ายรัฐบาลก็เป็นเสียงข้างมาก” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังต้องมาพิสูจน์ว่า ทั้ง 2 กรณี คือ 1. รัฐบาลที่ตั้งงบมาเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ แต่มาถูกตัดในชั้น กมธ.จนไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ และผ่านสภาไป รัฐบาลจะต้องร่วมรับผิดชอบด้วยหรือไม่ 2. ตนได้ถามตัวแทนกระทรวงการคลัง เหตุใดในขั้นการชี้แจงงบ จึงสามารถกำหนดตัวเลขที่ต่ำกว่า 700,000 ล้านบาทได้ ก็ได้รับคำตอบว่า ขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อสภา ว่า จะมีงบลงทุนจากโครงการ PPP (การร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน) มารวมกันแล้วจะเกิน 700,000 ล้านบาท แต่ตัวเลขล่าสุดที่ตนได้มาจากกระทรวงการคลัง คือ ยอดจาก PPP ของทั้งปี 65 อยู่แค่หลัก 10,000 ล้านบาท ยังขาดอีก 70,000 ล้านบาท ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลเองพูดโกหกคำโตกับสภา ซึ่งฝ่ายค้าน รวมถึงพรรคเสรีรวมไทย จะนำข้อมูลนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกด้วย