อดีตสมาชิก พปชร. เผย ร้อง “ป.ป.ช.” สอบ “ชลน่าน” พ่วง ส.ส. ปรับลดงบลงทุน ปี 65 จนต่ำกว่า 20% มีความผิดตามรัฐธรรมนูญ ม.234(1) หรือไม่
วันนี้ (26 มิ.ย.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กล่าวว่าวันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึง ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบ นายชลน่าน ศรีแก้ว พร้อม ส.ส. รายอื่นๆ ที่เห็นชอบให้ปรับลดงบรายจ่ายลงทุน ปี 2565 จนต่ำกว่า ร้อยละ 20 ว่า เข้าข่ายมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ ม.234(1) หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว ถอดความมาจากคลิปหัวข้อ “ประยุทธ์-ชลน่าน” โต้ตัวเลขงบฯรายจ่ายลงทุนที่ไม่ถึง ร้อยละ 20 ซึ่งเป็นคลิปการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 66 วาระแรก เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 65 ที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า “ผมชี้ให้ท่านประธานเห็นครับ เอกสารงบประมาณสองเล่มนี้นะครับ สีน้ำเงิน คือ ปี 65 ปีนี้ในเอกสารงบประมาณท่านเชียนไว้ให้เห็นเลยครับ ยอมรับสารภาพผิดต่อหน้านี้เลยว่า งบประมาณที่เป็นงบลงทุนปีที่แล้วนะครับ อยู่ในเอกสารนะครับ ขยายภาพอีกสักนิดหนึ่งนะครับ ท่านตั้งไว้ที่ 20.4 พอดูเอกสารงบประมาณเหลือ 19.76 ครับ ผมถามว่า ขัด พ.ร.บ.วิน้ยการเงินการคลัง มั้ย จริงอยู่ครับมาตรา 20 บอกว่า ตั้งงบประมาณไม่น้อยกว่า นั้นคือ การกระทำแต่แรกคือตั้ง แต่ท่านอย่าเหมารวมว่า กฎหมายเขียนเพียงแค่ตั้งนะ เมื่อปฏิบัติแล้วฉันจะทำยังไงก็ได้ นั้นไม่ใช่ครับท่านประธาน มันหมายถึงว่า ปฏิบัติจริงต้องได้ 20 ด้วย...”
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตอบชี้แจงว่า “เฉพาะเรื่องแรก ที่ท่านกล่าวมาว่า มีการใช้จ่ายงบประมาณในการลงทุนนั้นลดลงกว่าที่เสนอไว้ ใช่มั๊ย เมื่อกี้ที่อ่านมา ที่กล่าวมาเมื่อสักครู่นะครับ ในปีงบประมาณดังกล่าวนั้น เราเสนองบประมาณเข้ามา ... 624,399.8520 ล้านบาท นะครับ ตามเอกสารปี 65 สีน้ำเงินแต่เมื่อถึงขั้นการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ ท่าน กรรมการ กรรมาธิการวิสามัญได้มีการปรับลดรายจ่ายลงทุนทั้งสิ้น 12,466.4041 ล้านบาท ทำให้เหลือรายจ่ายลงทุนทั้งสิ้น 611,933.4479 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19.74 ของวงเงินงบประมาณ ใครตัดครับ ผมตั้งออกมาแล้ว ใครตัด...”
นายเรืองไกร กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น เมื่อย้อนไปตรวจสอบข้อเท็จจรืงแล้ว พบว่า การปรับลดงบลงทุนเกิดขึ้นในชั้นอนุกรรมาธิการ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นผู้รับผิดชอบในแต่ละหน่วยรับงบประมาณให้ความยินยอมด้วย ต่อมา กมธ.เสียงข้างมากให้ความเห็นชอบ ให้ปรับลดและนำไปเพิ่มเป็นงบกลาง และต่อมาวันที่ 18 ส.ค. 2564 วาระสอง มาตรา 6 งบกลาง ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติเห็นด้วย 326 คน หนึ่งในนั้นคือ นายชลน่าน ศรีแก้ว
นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อนำคำพูดของนายชลน่าน ที่ระบุว่า “เมื่อปฏิบัติจริงต้องได้ 20 ด้วย” มาพิจารณากับรัฐธรรมนูญ ม.62 ม. 140 และ ม.142 แล้วอาจทำให้เห็นได้ว่า กรณีที่เกิดขึ้นควรอยู่ในความรับผิดชอบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ยินยอมให้ปรับลดรายจ่ายลงทุนจนต่ำกว่า ร้อยละ 20
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า การปรับลดงบลงทุนดังกล่าว จึงเข้าข่ายที่ต้องขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า การที่อนุกรรมาธิการปรับลดโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ความยินยอม และ กมธ.เสียงข้างมาก เห็นด้วย ต่อมา ในที่ประชุมสภา ส.ส. ให้ความเห็นชอบในวาระสอง และวาระสาม ตามมานั้น จะเข้าข่ายฝ่าฝืน พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ม.20(1) หรือไม่ และขัดรัฐธรรมนูญ ม.62 ม.140 ม.142 หรือไม่ และจะมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ ม. 234(1) หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า ตนแปลกใจที่ นพ.ชลน่าน มาพูดในสภาเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 65 ว่า เรื่องการปรับลดรายจ่ายลงทุนดังกล่าวว่า ขัด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ม.20(1) หรือไม่ ทั้งที่ นพ.ชลน่าน ก็เคยลงมติเห็นด้วยกับการปรับลดรายจ่ายลงทุนดังกล่าว ในวาระสอง ของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 65 มาตรา 6 เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 64 ดังนั้น เรื่องนี้จึงควรให้ ป.ป.ช. สอบ นพ.ชลน่าน ผู้นำฝ่ายค้าน เป็นรายแรก แล้วค่อยสอบ ส.ส. และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป