โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ยินดี EEC ขยายความร่วมมือผู้นำภาคเอกชนต่างประเทศ ยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม มุ่งสู่อุตสาหกรรมอัจฉริยะ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชนอย่างยั่งยืน
วันนี้ (19 มิ.ย.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบ และยินดีกับความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กับภาคเอกชนชั้นนำจากต่างประเทศ เพื่อร่วมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา พื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ได้รับความสนใจจากภาคเอกชนชั้นนำต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุด ผู้นำเอกชนจากสวิตเซอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ กระชับความร่วมมือเพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรในพื้นที่ EEC ด้านการแพทย์ และการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสู่นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ
โดยผู้นำเอกชนสวิตเซอร์แลนด์ บริษัท เอบีบี ออโตเมชั่น จํากัด (ประเทศไทย) บริษัท เอบีบี อิเล็คทริฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (ABB) บริษัท โรช ไทยแลนด์ (Roche) และคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลจากความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยผลักดันและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี และเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล 5G ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างมีศักยภาพมากขึ้น
ด้านภาคเอกชนเกาหลีใต้ บริษัท Korea Land and Housing Corporation ได้ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industrial Estate) ยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ส่งเสริมให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเกิดของเสีย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
“นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า รัฐบาลได้วางโครงสร้างพื้นฐาน และความพร้อมไว้ให้กับ EEC ทั้งทางสถานที่ และข้อกำหนด เพื่อรองรับความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนที่จะเกิดขึ้น ความร่วมมือที่ผ่านมาเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดความสัมพันธ์ และเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการขยายช่องทางดึงดูดนักลงทุนชั้นนำจากต่างประเทศให้ร่วมลงทุนในพื้นที่ EEC มากขึ้น ซึ่งไทยยินดีที่จะสนับสนุน ความร่วมมือ และการค้าการลงทุนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ เพื่อต่อยอดความรู้ การพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษาวิจัยและการพัฒนาความรู้ด้านนวัตกรรม ร่วมกันพัฒนาคน พัฒนาเทคโนโลยี หวังวางรากฐานด้านสาธารณูปโภคและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในอนาคตอย่างยั่งยืน” นายธนกร กล่าว