มหาดไทย ปลื้ม OTOP Midyear 2022 กระจายรายได้สู่ชุมชน ประชาชนแห่ช้อปสินค้ าOTOP สร้างยอดจำหน่ายสินค้าภายในงานกว่า 573 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชน และทุกภาคส่วนที่ร่วมกันสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้ จนประสบผลสำเร็จเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้การสนับสนุนการผลิตและจำหน่ายสินค้า OTOP สอดคล้องตามแนวนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมุ่งเน้นประเด็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือ การสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP มาลงทะเบียนจำนวนมากถึง 2,500 ราย รวม 25,000 ผลิตภัณฑ์ ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างกว้างขวาง การจัดงานในครั้งนี้นอกจากจะประสบความสำเร็จเรื่องยอดขายแล้ว ยังได้แสดงศักยภาพให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้เห็นถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีการยกระดับคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ OTOP สู่สากลให้สามารถทำการตลาดเชิงรุกทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย
ด้านนายสมคิด จันทมฤก ธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันอุดหนุนสินค้าที่คัดสรรมาจำหน่ายในปีนี้ และขอบคุณกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่นำสุดยอดสินค้า OTOP คุณภาพดีจากทุกภาคทั่วทั้งประเทศมานำเสนอ รวมทั้งบุคลากรกรมการพัฒนาชุมชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดที่ร่วมแรงแข็งขันจนทำให้งาน OTOP Midyear 2022 ในปีนี้ประสบความสำเร็จ แสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเข้มแข็งและกระตุ้นเศรษฐกิจกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ตลอดจนสมาชิกกลุ่มต่างๆ ที่อยู่ในชุมชนหมู่บ้านทั่วประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการลดความเหลื่อมล้ำ ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เน้นย้ำอยู่เสมอ
นายสมคิด กล่าวต่อว่า งาน OTOP Midyear2022 : สุขช้อป สุขใจ สุขทั่วไทยไว้ในที่เดียว” จบลงอย่างยิ่งใหญ่ด้วยรอยยิ้มทั้งประชาชนผู้ซื้อและชาวบ้านผู้ขาย นับเป็นความสำเร็จอีกครั้งในการจัดงาน OTOPมหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในกลางปี สรุปยอดจำหน่าย 9 วัน รวม 573,232,033 บาท ยอดผู้เข้าชมงาน 164,130 คน โดยเฉพาะวันสุดท้ายวันเดียวยอดขายกว่า 109 ล้านบาท โดยสินค้าประเภทเสื้อผ้า และเครื่องแต่งกายเป็นกลุ่มที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดรวมกว่า 223 ล้านบาท รองลงมาคือประเภทของใช้และของตกแต่ง กว่า54 ล้านบาท และลำดับสามเป็นประเภทอาหารกว่า 45 ล้านบาท ทั้งนี้ถือว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ฟื้นตัวจากพิษโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี นับเป็นการตอบโจทย์การสร้างความเข้มแข็งและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและแก้ปัญหาความยากจนของชาวบ้าน นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุดงานหนึ่ง.