เสียงส่วนใหญ่รัฐสภา ผ่าน 3 มาตราสำคัญ พ.ร.บ.ตำรวจ เห็นด้วยกับ กมธ.เสียงข้างมาก เพิ่มให้ มี ก.ต.ช. คุม ด้าน “เสรีพิศุทธ์” ชี้ เขียนกฎหมายซ่อนกล ให้ ตั๋วช้าง-เด็กเส้น เป็น ผบ.ตร. โยกข้ามหัว รอง ผบ.ตร.- จเรตำรวจ
วันนี้ (10 มิ.ย.) ในการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.... ต่อเนื่องจากเป็นวันที่สอง ใน มาตรา 12 ว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่ง กมธ. ปรับแก้ไขเพียงเล็กน้อย แต่คงสาระสำคัญ คือ ให้มีกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค, กองบังคับการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรจังหวัด, สถานีตำรวจ พร้อมกำหนดหน้าที่ในงานป้องกันและปราบปรามการทำผิดอาาญาและรักษาความสงบเรียบร้อย ตามแผนหรือมาตรการที่ ก.ต.ช. และ คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ โดย ที่ประชุมเห็นด้วยกับกมธ.แก้ไข
ส่วนการพิจารณาในมาตรา 13 เกี่ยวกับการแบ่งสถานีตำรวจ ออกเป็น 3 ระดับ ซึ่ง กมธ.แก้ไข ให้สถานีตำรวจระดับใหญ่มีหัวหน้าสถานีดำรงตำแหน่งผู้กำกับการ, สถานีตำรวจระดับกลางมีหัวหน้สถานีดำรงตำแหน่งผู้กำกับการ หรือสารวัตรใหญ่ และ สถานีตำรวจระดับเล็กมีหัวหน้าสถานีตำรวจดำรงตำแหน่งสารวัตร
ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายให้ความเห็นว่าหากร่างดังกล่าวผ่านไปจะเดือดร้อนทั้ง สตช. เนื่องจากวันดีคืนดี ฝ่ายการเมือง หรือ นายกรัฐมนตรี สั่งย้ายจากระดับใหญ่ ไประดับกลาง อาจเป็นการลดระดับ และใช้เป็นการกลั่นแกล้งกันได้
“สมัยก่อนมี พ.ร.บ.ตำรวจ 2547 ตอนนั้นกฎหมายกำหนด การแต่งตั้งผู้บัญชาการ ให้แต่งตั้งจากรองผู้บัญชาการ ตำแหน่ง พล.ต.ต. แต่สมัยหนึ่ง ท่ีมีการเตรียมการยึดอำนาจ แต่งตั้ง พล.ต.ต.บุญชู วังกานนท์ ผู้บังคับการกองปราบเป็น ผู้บัญชาการข้ามผู้ช่วย ข้ามรอง เพื่อไปวัดกัน และเลื่อนเป็น รองผู้บัญชาการ เตรียมปฏิวัติกับ จปร.5 ซึ่งมาตรา 69 ที่เขียนไว้ ว่าด้วยเกณฑ์การแต่งตั้ง (2) ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.และจเร แต่งตั้งจาก พล.ต.ท. แสดงว่า ข้ามกันไปได้ เขียนไว้เพื่อประโยชน์ใคร ส่วนมาตรา 13 หากไม่ลวง ว่า สถานีตำรวจระดับใหญ่ให้ผู้กำกับ และระดับกลางให้มีสารวัตรใหญ่ เขียนกฎหมายอย่าลวงเพื่อประโยชน์ใคร ไม่รู้ว่าแฝงเพื่อใคร เพื่อ ผบ.ยุคนี้หรือไม่ กฎหมายออกมา แทนที่ จเรตำรวจ หรือ ผบ.ตร. จะตั้งจากรอง ผบ.ตร. อาจมีตั๋วช้าง เด็กเส้นข้ามกันไป” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อภิปราย
อย่างไรก็ดี เสียงส่วนใหญ่ได้เห็นด้วยกับ กมธ.ที่แก้ไข