xs
xsm
sm
md
lg

ศาล ปค.สูงสุด สั่ง อบจ.สงขลา ชดใช้ 52 ล.กรณี “นิพนธ์” ไม่จ่ายค่ารถซ่อมบำรุงทาง อ้างฮั้วประมูลฟังไม่ขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศาล ปค.สูงสุด พิพากษาสั่ง อบจ.สงขลา ชดใช้เงิน 52 ล้านบาท ให้ บ.พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด จากเหตุ “นิพนธ์ บุญญามณี” อดีตนายก อบจ.ละเว้นไม่จ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ชนิด 10 ล้อ 2 คัน ชี้ ฮั้วประมูล ล็อกสเปกฟังไม่ขึ้น

วันนี้ (9 มิ.ย.) ศาลปกครองสูงสุดพิพากษา ยืนให้บริหารส่วนจังหวัดสงขลาชำระเงิน จำนวน 52,062,041 บาท ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 50,850,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนถึงวันที่ 10 เม.ย. 64 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงิน จำนวน 50,850,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. 64 จนกว่าจะชำระเสร็จ

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากปี 2556 นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขณะนั้น ละเว้นไม่เซ็นจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ชนิด 10 ล้อ จำนวน 2 คัน เป็นเงิน 50,850,000 บาท ให้แก่ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด คู่สัญญาทั้งที่คณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับรถทั้งสองแล้ว และเห็นว่า มีปริมาณและคุณภาพถูกต้องครบถ้วน ทำให้บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ได้รับความเสียหายและยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสงขลาขอให้ศาลมีคำสั่งให้ อบจ.สงขลา ชำระเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ดังกล่าวและชดใช้ค่าเสียหายรวมเป็นเงิน 73,504,023 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 50,850,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง

ส่วนเหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ อบจ.สงขลา ชดใช้ ระบุเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ได้ส่งมอบรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์จำนวน 2 คัน ตามสัญญาให้กับ อบจ.สงขลา วันที่ 8 ต.ค. 56 คณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ทำการทดสอบและตรวจรับรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ดังกล่าว ซึ่งไม่ปรากฏว่า รถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ที่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ส่งมอบมีข้อบกพร่องหรือไม่ถูกต้องตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ในสัญญา ซึ่งต่อมา บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ได้ดำเนินการจดทะเบียนรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ต่อสำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลาและส่งมอบคู่มือจดทะเบียนพร้อมป้ายทะเบียนรถยนต์ให้กับ อบจ.สงขลา ซึ่งถือว่า บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ได้ปฏิบัติตามสัญญา พระเจ้าสงขลา จึงมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามสัญญาซื้อขายสัญญาเลขที่ 22/2556 ลงวันที่ 31 พ.ค. 56 เป็นเงิน 50,850,000 บาท ซึ่งบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด มีหนังสือลงวันที่ 19 ก.พ. 57 เรื่อง อบจ.สงขลา ชำระเงินตามสัญญาภายใน 21 ก.พ. 57 เมื่อ อบจ.สงขลา ไม่ได้ชำระหนี้ภายในวันดังกล่าว จึงถือว่า อบจ.สงขลา ตกเป็นผู้ผิดนัดตั้งแต่ 22 ก.พ. 57 ตามมาตรา 204 วรรคหนึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 50,850,000 บาท นับตั้งแต่ 22 ก.พ.- 17 มิ.ย. 57 ซึ่งเป็นวันฟ้องคดีเป็นเวลา 116 วันคิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน 1,212,041 บาท อบจ.สงขลา จึงต้องชำระเงินให้แก่ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด จำนวน 52,062,041 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน จำนวน 50,850,000 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จตามมาตรา 224 วรรค 1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ส่วนที่ อบจ.สงขลา อุทธรณ์ว่า สัญญาพิพาทเป็นโมฆะ เนื่องจากบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด กับบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด มีการตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เห็นว่า คณะประมูลซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ปรากฏว่า นายอิทธิพล ดวงเดือน กรรมการผู้จัดการของ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด มีความสัมพันธ์กันในเชิงบริหารหรือเชิงทุนที่สามารถใช้อำนาจในการบริหารจัดการกิจการของบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ที่ร่วมเสนอราคาในการประมูลซื้อพิพาท หรือมีความสัมพันธ์ในลักษณะไขว้กันระหว่าง 2 บริษัทดังกล่าว อีกทั้งการเสนอราคาของ 2 บริษัท ก็เสนอต่างกันจำนวน 50,000 บาท และเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ อบจ.สงขลา กำหนดวงเงินเริ่มต้นในการประมูลไว้ คือ 51 ล้านบาท โดยไม่มีไหนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเป็นราคาที่สมยอมกันอันเข้าลักษณะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542 อุทธรณ์นี้จึงฟังไม่ขึ้น ดังนั้นที่ศาลปกครองสงขลาพิพากษาให้ อบจ.สงขลา ต้องชดใช้ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเป็นผลให้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นายนิพนธ์ บุญญามณี และคดีอยู่ระหว่างอัยการสูงสุดพิจารณาส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขณะเดียวกัน รมว.มท.มีคำสั่งปลดนายนิพนธ์ผลจากนายก อบจ.ส่งผลให้ขณะนี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้ความเป็น รมต.ของนายนิพนธ์ สิ้นสุดลงหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น