“ชลน่าน” ยันฝ่ายค้านพร้อม คว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ 66 ชี้ จัดงบไม่เหมาะสภาพพื้นที่-สถานการณ์ เผย เตรียมยื่นญัตติซักฟอก 15 มิ.ย.นี้ อุบชื่อ รมต.ถูกอภิปราย ส่วนร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับ ถกหลังพิจารณาร่าง กม.ปฏิรูปตำรวจ
วันนี้ (2 มิ.ย.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่าย ปี 2566 ว่า ฝ่ายค้านยึดมั่นชัดเจน ว่า จะลงมติไม่รับหลัก และเท่าที่ดูการอภิปรายมาตลอด 3 วัน ก็ยังหนักแน่นว่าสมาชิกของเราไม่เห็นชอบ ไม่รับหลักการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสภารับหลักการแล้ว สามารถไปแก้ไขในชั้นกรรมาธิการ ได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตามระบบรัฐสภา ถ้าเสียงข้างมากยังเหนียวแน่นก็ต้องยอมรับ ส่วนฝ่ายค้านก็จะมีมติว่าจะตั้งบุคคลไปร่วมในกรรมาธิการ เพื่อตามไปดูว่าการจัดงบประมาณเหมาะสมหรือไม่ เพราะวันนี้เปิดเผยชัด ว่า มีงบที่จะส่อโกง หรืออะไรที่ไม่เหมาะสม จะเข้าไปปรับแก้ ปรับลดตรงส่วนนี้ได้ เพื่อให้งบมาอยู่ตรงกลาง แล้วให้รัฐบาลส่งแผนเข้ามาเพื่อมาใช้งบแปรญัตติ ตรงส่วนนี้ได้
เมื่อถามว่า มั่นใจเสียงสวิง ที่โหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ ฉบับนี้แค่ไหน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มั่นใจแบบสวิง เราได้ชี้เหตุผลให้เห็นว่าไม่สมควรที่จะโหวตรับงบประมาณ โดยเฉพาะประเด็นที่จัดงบไม่เหมาะสมกับพื้นที่ ไม่เรียงลำดับความสำคัญ ไม่เหมาะกับสถานการณ์ เรียกว่า งบสิ้นหวังที่มีจำนวนมาก รวมถึงงบที่จะส่อไปในทางทุจริต โดยภาพใหญ่การบริหารจัดสรรงบประมาณ สุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายและพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง ปี 2565 ที่ติดมา และมีการยอมรับว่าอยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบฯฉบับนี้ แต่มาโทษสภาว่าเป็นผู้ปรับลด ซึ่งจริงๆ แล้วสมาชิกสามารถปรับลดงบประมาณทุกกลุ่ม ทุกหมวด ได้เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติไม่ให้ปรับ นอกจากงบลงทุน ดังนั้น หน้าที่ของรัฐมนตรี ต้องส่งกรอบของการขอใช้งบฯและอยู่ในกรอบการลงทุนด้วย โดยกรรมาธิการ จะพิจารณาว่าจะนำไปใส่ลงตรงไหน โดยมีสำนักงบประมาณกำกับว่าอะไรใส่ได้ หรือไม่ได้ ถ้าไม่เช่นนั้นกรรมาธิการก็จะไปใส่ตรงไหนก็ได้ แล้วจะมาโทษกรรมาธิการไม่ได้ เหตุผลตรงนี้จะทำให้เสียงสวิงโหวต พิจารณาถึงความไม่เหมาะสม เรื่องที่ผิดกฎหมายและการเอื้อประโยชน์ เมื่อเห็นแบบนี้ก็อาจจะลงมติ ไม่เห็นด้วยอย่างน้อยก็งดออกเสียง
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย ยืนยันที่จะคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตั้งใจโหวตไม่รับ แต่ในสภาต้องฟังเสียงข้างมาก ยิ่งในภาวะที่รัฐบาลเกาะเกี่ยวกันอย่างนี้ จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินของแต่ละคนแต่มั่นใจ 100% ว่าฝ่ายค้านจะโหวตคว่ำ ส่วนฝ่ายอื่นต้องให้เกียรติในดุลยพินิจของแต่ละฝ่าย
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงความชัดเจนการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีมติจะยื่นญัตติในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ โดยนัดหมายกับฝ่ายเลขาฯของประธานสภา ส่วนเวลาจะแจ้งกลับมาอีกที สำหรับรายชื่อผู้ถูกอภิปราย จะสรุปในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ ว่า จะมีใครบ้าง ขณะนี้ให้แต่ละพรรคไปเขียนญัตติของแต่ละพรรค โดยที่พรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้สรุปและเขียนญัตติรวมเพื่อยื่นร่วมกัน ซึ่งจะมีรายละเอียดผู้ถูกอภิปราย ข้อกล่าวหา ผู้ที่จะอภิปราย และเวลาที่จะใช้ เวลานี้จะยังไม่เปิดชื่อ เพราะพรรคเพื่อไทยก็ยังมีรายชื่อบุคคลอยู่มาก แต่ที่จะยื่นแน่นอนคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
ผู้สื่อข่าวถามถึงการพิจารณาร่างกฏหมายลูก 2 ฉบับ จะมีความชัดเจนอย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราขอเลื่อนการพิจารณามาเป็นวันที่ 9-10 มิ.ย.แต่วิปรัฐบาลไม่เห็นชอบด้วย โดยวันดังกล่าวจะเป็นการพิจารณากฎหมายปฏิรูปตำรวจ ดังนั้น คาดการณ์ว่าเมื่อพิจารณากฎหมายฉบับนี้เสร็จจะนำกฎหมายลูก 2 ฉบับ เข้าสู่วาระการพิจารณาในที่ประชุมสัปดาห์ถัดไป ถ้ากฎหมายปฏิรูปตำรวจยังไม่เสร็จ ก็ต้องรอให้เสร็จก่อน โดยกฎหมายฉบับนี้ค่อนข้างยาวมีกว่า 100 มาตรา แต่ทางประธานสภา เปิดโอกาสแล้วว่าจะมีการประชุมร่วมทุกสัปดาห์ ดังนั้น เมื่อกฎหมายปฏิรูปเสร็จเมื่อไหร่ ก็จะพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองก่อน เช่น ยุบสภา ก็จะไม่มีการพิจารณากฎหมาย 2 ฉบับ มารองรับการเลือกตั้ง จะทำให้พรรคเพื่อไทย อยู่ในภาวะเสียเปรียบหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่เสียเปรียบ แต่ประชาชนและประเทศไทย จะเสียเปรียบทั้งประเทศ เพราะมีการตีความที่ต่างกัน 2 สำนัก สำนักหนึ่งคิดเชิงบวก โดย ครม.สามารถไปออกพระราชกำหนดการเลือกตั้งได้ แต่อีกสำนักหนึ่งตีความเคร่งครัด ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ