เมืองไทย 360 องศา
ระหว่างนี้สำหรับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ถือว่าทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเต็มร้อย แม้ว่าจะเป็น “รักษาการ” ก็ตาม แต่ในทางกฎหมายก็ถือว่า “เต็ม” ก็แล้วกัน อย่างน้อยก็ในช่วงที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมประชุมผู้นำอาเซียนกับผู้นำของสหรัฐฯระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคมนี้
ก่อนการเดินทาง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ฝากฝัง พล.อ.ประวิตร ให้ดูแลสถานการณ์ นอกเหนือจากการรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายแล้ว เนื่องจากเขาเป็นรองนายกฯอันดับที่หนึ่ง ที่ต้องทำหน้าที่ตามปกติอยู่แล้ว ดังนั้น หากพิจารณากันตามนี้ ถือว่านาทีนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มตัวแล้ว
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณากันถึงสถานการณ์ทางการเมืองในยามนี้ โดยเฉพาะจะมีผลต่อเนื่องไปถึงช่วงเปิดสภาสมัยสามัญ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เป็นต้นไปนั้น หากให้ประเมินก็ต้องมองว่า “เริ่มนิ่ง” กว่าเดิมมาก ในลักษณะที่ว่าฝ่ายรัฐบาลเริ่มคุมเกมได้เกือบทั้งหมดแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้ความมั่นคงในฐานะนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แข็งแรงกว่าเดิมมาก เมื่อเทียบกับในช่วงหนึ่งถึงสองเดือนก่อนหน้านี้
ที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือ ท่าทีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ระยะหลังยืนยันสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ อย่างหนักแน่น และล่าสุด เขาแสดงความเห็นยืนยันอีกว่า “สนับสนุนจนจบ”
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงข้อกังวลการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรีว่า ไม่กังวล ได้มีการศึกษาข้อกฎหมายแล้ว
ถามว่า ที่ไม่กังวลเพราะมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะไม่มีปัญหาการดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีปัญหา 8 ปี
เมื่อถามว่า การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังเป็นนายกฯ ภายหลังจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่รัฐธรรมนูญใหม่กำหนด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รู้ได้อย่างไรว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.
เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร พยักหน้ายืนยันว่า “ยื่นแล้ว” พร้อมยืนยันว่า ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้
และเมื่อถูกถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ไปจนจบอย่างที่ท่านยืนยัน ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวพยักหน้ารับ พร้อมกล่าวว่า “จบ” ส่วนสมัยหน้าเป็นอีกเรื่องหนึ่งใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว
จากคำพูดดังกล่าวของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร ที่ถือว่านาทีนี้เป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” ตัวจริง และถือว่าเป็น “ตัวแปร” สำคัญ สำหรับอนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อย้ำว่า “อยู่จนจบครบ 8 ปี” ก็ต้องน่าเชื่อว่าน่าจะไปได้จนจบอย่างที่ว่าจริงๆ เพราะแม้ว่าที่ผ่านมา จะมีข้อกังวลในเรื่องเสียงของฝ่ายรัฐบาลอยู่ในลักษณะ “ปริ่มน้ำ” ก็ตาม อีกทั้งภายในพรรคพลังประชารัฐเกิดความแตกแยกขัดแย้ง จนมีการแยกตัวออกไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย รวมไปถึงบรรดาพรรคเล็กหลายพรรค ที่ฉวยโอกาส “นาทีทอง” เรียกร้องต่อรองเรื่อง “กล้วย” กันเซ็งแซ่ก็ตาม
อย่างไรก็ดี ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังสงบลง เริ่มตั้งแต่หลังจากที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐที่ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร ให้ไปหารือกับบรรดาพรรคเล็กระหว่างไปอวยพรวันเกิดให้กับหัวหน้าพรรคหนึ่ง หลังจากนั้น นายสุชาติ ก็ออกมาย้ำอย่างมั่นใจว่าเสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ มีเพียงพอ และ “เกินครึ่ง” อย่างแน่นอน
“คลื่นลมน่าจะเริ่มสงบแล้ว และตัวแทนจากพรรคเล็กที่มาพูดคุยเป็นระดับหัวหน้าพรรค ถือว่ามีคุณวุฒิ วัยวุฒิที่สูงอยู่แล้ว ดังนั้น ที่ผ่านมา จึงเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนกันไปมาเท่านั้น เมื่อผมเข้ามาเป็นโซ่ข้อกลาง เข้าไปประสานข้อมูลที่แท้จริง ถูกต้อง ชัดเจน ทุกคนก็เข้าใจ และเคลียร์ทุกประเด็น”
เมื่อถามว่า ยังมั่นใจว่า เสียงในสภาตอนนี้มากกว่า 250 เสียงหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ยังไม่กล้าที่จะพูดขนาดนั้น แต่ดูจากสมการตัวเลข ซึ่งการเมืองต้องดูจากสมการฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเป็นการวิเคราะห์และเป็นการคาดการณ์ เหมือนเราทำข้อสอบ
ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวที่ว่าก่อนหน้านี้มีกำหนดการหารือระหว่างฝ่ายค้าน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร จากพรรคเพื่อไทย นัดหมายกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ในที่สุดก็มีการยกเลิกไปแล้ว โดย พล.อ.ประวิตร ได้บอกว่า “เขาได้โทร.มาบอกว่าไม่ไปแล้ว”
แต่ความหมายน่าจะเป็น “ถูกเบรก” นั่นแหละ เนื่องจากมีการรับรู้กันดีว่าทั้งสองพรรคเป็นเครือข่ายเดียวกัน โดยเฉพาะกับ “บิ๊กป้อม” ซึ่งสัญญาณก่อนหน้านี้ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งอีกบทบาทหนึ่งก็ถือว่าเป็น “คนสนิท” พล.อ.ประวิตร ได้เคยออกมาย้ำว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แน่นอน
หรือแม้กระทั่งมีคำสั่งสอบสวนและลงโทษ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่อ้างตัวว่า เป็นหัวหน้ากลุ่ม 16 ไปพบกับฝ่ายค้าน และประกาศจะอภิปรายซักฟอก นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ปิดทางไปหาพรรคใหม่ ล่าสุด ก็ถูก “ดองเค็ม” ไปเรียบร้อย โดยตัดสิทธิตำแหน่งการเมืองเป็นเวลา 6 เดือน โดยไม่มีการขับออกจากพรรค ความหมายก็คือ “จับแช่แข็ง” ในพรรคไปจนจบ
หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวทั้งหมดดังกล่าวมา ถือว่าทุกอย่างสอดคล้องต้องกันทั้งหมด ทั้งท่าทีของ “บิ๊กป้อม” ที่ประกาศหนุน “บิ๊กตู่” ชัดเจน อย่างน้อยก็จนจบวาระ ส่วนหลังจากนั้น ค่อยมาว่ากันอีกที ขณะเดียวกัน มันส่งผลต่อเสียงสนับสนุนในสภาในศึกซักฟอกที่พรรคเศรษฐกิจไทย และบรรดาพรรคเล็กได้หยุดงอแงไปแล้ว
ส่วนจะเป็นเพราะกิน “กล้วย” จนอิ่มไปแล้วก็ไม่รู้ แต่เอาเป็นว่าเส้นทางข้างหน้า มีการ “เคลียร์คัต” กันไปแล้ว ถือว่าราบรื่นใช้ได้ !!