xs
xsm
sm
md
lg

“พี่ศรี” จับผิดผู้สมัคร ส.ก.พรรคเพื่อไทย ชี้ เคยถูกศาลพิพากษาจำคุกฐานปล้นทรัพย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ศรีสุวรรณ” จับผิดผู้สมัคร ส.ก.พรรคเพื่อไทย ชี้ เคยถูกศาลพิพากษาจำคุกฐานปล้นทรัพย์ จี้ กกต.เพิกถอนการรับสมัคร-เอาผิดฐานแจ้งข้อมูลเท็จ

วันนี้ (12 พ.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ กกต. และ กกต.กทม. ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคเพื่อไทย เขตตลิ่งชัน ว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนในการลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ หากพบว่าไม่เป็นไปตามกฎหมายขอให้เพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครรายดังกล่าว พร้อมเอาผิดฐานแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อันเป็นเท็จ

โดย นายศรีสุวรรณ ระบุว่า จากการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ตามกฎหมาย พบว่า มีผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย เขตตลิ่งชัน เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ (ปล้นทรัพย์) ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา โดยถูกพนักงานอัยการเป็นผู้ยื่นฟ้องต่อศาล และศาลอาญาธนบุรี ฐานปล้นทรัพย์(พยายาม) เป็นคดีหมายเลขแดงที่ 2524/2527 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 83, 80 และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2514 ข้อ 14 จำคุกมีกำหนด 10 ปี ของกลางริบ และศาลยังให้นับโทษต่อจากในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 747/2527 อีกด้วย ส่วนศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และผู้สมัครดังกล่าวถูกจำคุกจริงตามคำพิพากษาของศาลแล้ว จึงถือได้ว่าอาจเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตาม มาตรา 50(10) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562

“ผู้สมัครรายดังกล่าว มีหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทยและทีมงาน ได้ลงไปช่วยเดินรณรงค์หาเสียงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจอย่างยิ่งว่าระบบการคัดกรองผู้สมัครหรือสมาชิกพรรคของพรรคดังกล่าว อาจมีช่องโหว่ ทำให้มีผู้ที่มีคุณสมบัติต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งหลุดเข้ามาในพรรคได้”

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า แม้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร จะได้ประกาศให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครไปแล้ว แต่ กกต.ก็มีสิทธิที่จะตรวจสอบและสอยออกไปได้ ที่สำคัญ บุคคลดังกล่าวอาจต้องคดีฐานแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อันเป็นเท็จตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ




กำลังโหลดความคิดเห็น