น่าโฟกัส “อดีตรองอธิการ มธ. ข้องใจ “ผู้บริหาร” แถลงขอโทษ แต่ไม่เอาผิด “นารา” คนทำคลิป หรือรู้เห็น? ต้องพึ่งเขา! สตช.เชิญ “ดร.อานนท์” ผู้เชี่ยวชาญคดี 112 เป็นพยาน “คดีลาซาด้า” โฆษณาพาดพิง ดูหมิ่น สถาบันฯ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (11 พ.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น อดีตรองอธิการ มธ. ฉะเดือด ข้องใจ “ลาซาด้า” แถลงขอโทษ แต่ยังไม่ยอมเอาผิด “นารา” คนทำคลิป
โดยระบุว่า จากกรณี นารา เครปกะเทย ทำคลิปโฆษณาโปรโมตแคมเปญชอปปิ้ง Lazada 5.5 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 ก่อนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งต่อมา ทางลาซาด้า เอเยนซี รวมไปถึง นารา ได้ออกมาขอโทษกับโฆษณาชิ้นดังกล่าวที่มีคนมองว่าล้อเลียนคนพิการ และทางตำรวจก็เตรียมเอาผิดนาราในข้อหา ม.112 เนื่องจากมองว่า ภาพนั้นมีลักษณะคล้ายกับการพาดพิงสถาบันฯอยู่ด้วย จากนั้น ผบ.ทบ.ได้สั่งแบน Lazada ทุกหน่วยทั่วประเทศ งดสั่งสินค้า ห้ามรถเข้าเขตทหารอีกด้วย
ขณะที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เผยว่า กำลังรวบรวมพยานหลักฐานและทำงานร่วมกับ ปอท. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) ตรวจสอบเว็บไซต์ และแพลตฟอร์มที่มีการนำเสนอโฆษณาด้านการตลาดในลักษณะที่ก้าวล่วงสถาบันฯของลาซาด้าและที่คล้ายกัน ซึ่งมีการดำเนินคดีแล้ว
รวมทั้งมีการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอให้ปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์มและการแชร์ผ่านยูทูบ ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก เบื้องต้นพบแล้ว 42 URLs แต่โดยปกติหากแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้รับการแจ้งจากดีอีเอสจะปิดตัวเองอยู่แล้ว หากไม่ปิดจะมีความผิด เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และกฎหมายอื่น พร้อมทิ้งท้ายว่า เชื่อว่า ต่างชาติจะเข้าใจ เพราะจะทำอะไรก็ควรนึกถึงจิตใจคนไทยด้วย
ที่น่าสนใจ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“เนื่องจากการจัดทำคลิปโปรโมชันประจำเดือนเป็นงานเล็กๆ ที่เกือบจะเป็น routine แต่แรกจึงเชื่อว่า คลิปวิดีโอที่เหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ไร้รสนิยม และน่าละอายเช่นนี้ คงไม่ได้ผ่านตาของผู้บริหารระดับสูงของ Lazada ก่อนที่จะเผยแพร่ แต่จะอย่างไรก็จะต้องผ่านตาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายการตลาดแน่นอน Lazada จึงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
แต่จนวันนี้ ยังไม่เห็นข่าวว่า Lazada มีการดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว และไม่เห็นว่ามีการดำเนินการกับบริษัทที่เป็นผู้จัดทำคลิปแต่อย่างใด มีแต่คำแถลงการณ์ยอมรับว่าไม่รอบคอบ และจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เท่านั้น
แม้ในขณะนี้ นอกจากผู้ที่มีความจงรักภักดี และผู้มีใจเป็นธรรม ที่พากันแบน Lazada กันอย่างต่อเนื่อง สินค้าที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริทั้งหมด ต่างก็ถอนออกจาก platform ของ Lazada และล่าสุด กองทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ ก็ออกมาแสดงจุดยืนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยเช่นกัน
กระนั้น Lazada ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทำให้น่าเชื่อว่า แท้จริงแล้วผู้บริหารระดับสูงก็ได้เห็นคลิปวิดีโอดังกล่าวนี้แล้ว และปล่อยให้มีการเผยแพร่ได้ เช่นนี้ก็ควรแล้วที่จะร่วมกันแบน Lazada และถ้ามันยากมากที่จะลบบัญชีตัวเองออกก็ไม่ต้องลบ เพียงอย่าสั่งซื้อจาก Lazada อีกต่อไปก็พอ
น่าเศร้าใจว่า บรรดานักการเมืองที่มีจุดหมายล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเขาไม่มีทางปกป้องสถาบันฯที่เขาไม่ต้องการอยู่แล้ว แต่พวกเขาแทนที่จะอยู่เฉย กลับดาหน้ากันออกมาปกป้อง Lazada ทั้งที่คลิปวิดีโอนี้ ไม่เพียงหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ยังเย้ยหยันและเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้พิการ แสดงว่า นักการเมืองเหล่านี้หลับหูหลับตาปกป้องพวกเดียวกัน โดยละทิ้งหลักการที่ตัวเองพร่ำบอกว่า “ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน” ไปเสียสิ้น
แต่นั่นแหละ นี่เป็นพฤติกรรมปกติของคนกลุ่มนี้อยู่แล้ว นั่นคือ “ฝ่ายตรงข้ามทำอะไรล้วนผิด พวกเดียวกันทำผิดให้ถือว่าถูก ต้องช่วยกันปกป้อง” เราจะอยู่กันอย่างนี้ ในประเทศนี้ ไปอีกนานเท่าใด นี่ไม่ใช่เส้นทางที่จะนำไปสู่สังคมที่ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน”
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น แบบนี้รอดยาก! สตช.เชิญ “ดร.อานนท์” พยาน คดีลาซาด้าโฆษณาจาบจ้วง - “นารา” ดูเพนกวินตัวอย่าง
เนื้อหาระบุว่า ...พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท.ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 65 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้มาพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ นายอนิวัติ ประทุมถิ่น (นารา เครปกะเทย) บริษัท อินเตอร์เซคท์ ดีไซน์ แฟคทอรี่ จำกัด และบริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด (Lazada)
โดยกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย ได้ร่วมกันจัดทำสื่อโฆษณาที่มีเนื้อหาเป็นการดูหมิ่น ล้อเลียน ผู้ป่วยและผู้พิการ และมีเจตนาในการพาดพิง ดูหมิ่น สถาบันพระมหากษัตริย์ ให้ได้รับความเสื่อมเสีย ซึ่งประชาชนทั่วไปที่พบเห็นสื่อโฆษณาดังกล่าวสามารถเข้าใจได้ว่าเป็นการล้อเลียน ดูหมิ่น สถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้กล่าวหาจึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาในความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(3)
ทางพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ได้รับคำร้องทุกข์ไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว โดย พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบและให้ประสานข้อมูลกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อีกส่วนหนึ่งด้วย
รองโฆษก ตร.กล่าวว่า นอกจากกรณีของนายศรีสุวรรณแล้ว เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศ.ป.ป.ส.) โดย นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ได้มาพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อประสานข้อมูลเพื่อให้ บก.ปอท.ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลเดียวกัน ตามพฤติการณ์ ข้อเท็จจริงเดียวกัน ในส่วนนี้ พนักงานสอบสวน บก.ปอท. จะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ล่าสุด ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวว่า
“คดีที่ Lazada ไปจ้างทำโฆษณาที่บูลลี่เบื้องสูงนั้น มีคนไปแจ้งความที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วครับ และทางพนักงานสอบสวนติดต่อผมมาให้ผมไปเป็นพยานในคดีนี้ครับ ผมจะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ เพื่อปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้เต็มที่ครับ คนทำผิดต้องได้รับกรรม คือ ผลแห่งการกระทำครับ”
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ดร.อานนท์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเล่าบรรยากาศการไปศาลอาญารัชดา เพื่อไปเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญคดี มาตรา 112 ที่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำราษฎร เป็นผู้ต้องหา โดยระบุว่า กองเชียร์สามกีบที่หายไป ปล่อยให้เพนกวินเดียวดายหน้าบัลลังก์ศาล
ผมไปศาลอาญารัชดาเช้านี้ คดี มาตรา 112 ที่เพนกวินเป็นจำเลย เคยไปมาหลายครั้งแล้ว แต่เพนกวินไม่มาศาล อ้างว่าป่วย แต่มีใบแพทย์จากกรมราชทัณฑ์ว่าไม่ป่วย
และแต่ก่อนทุกครั้งที่ไป จะมีมวลชนสามกีบมากมาย ตำรวจต้องกั้น และต้องดูแลความปลอดภัยขั้นสูงสุด ตรวจสแกนบัตรประชาชนอย่างละเอียด และห้ามม็อบสามกีบเข้ามาในเขตรั้วศาล แต่วันนี้เงียบเหงามาก ม็อบสามกีบไม่มี ตำรวจไม่มา ไม่ได้กั้นอะไร และเพนกวินก็มาแบบเงียบๆ กับน้องสาวและทนายอย่างเดียวดายหน้าบัลลังก์ ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาครับ จบการรายงานข่าว
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การไม่แยกแยะ “ผิด-ถูก” กับเกมต่อสู้ทางการเมืองของ กลุ่มที่ไม่เอาเจ้า เพราะนั่นเท่ากับทำให้คนทำผิดได้ใจ ซึ่งหากใครก็ตามทำผิดในลักษณะนี้อีก ก็เชื่อว่า จะมีกลุ่มคนที่ไม่สนใจเนื้อหาสาระว่าการกระทำนั้นผิดหรือถูก แต่จะพุ่งเป้าสนใจไปที่ ผลกระทบตกที่ใคร ถ้าตกกับฝ่ายที่พวกตนต่อต้าน ต่อให้มีหลักฐานการทำผิดชัดเจน ก็พร้อมที่จะเบี่ยงเบนประเด็นปกป้อง อีกฝ่าย เพื่อต่อสู้กับฝ่ายที่ตัวเองต่อต้าน
อะไรไม่สำคัญเท่ากับคนที่มีพฤติกรรมเช่นว่า คือ พวกที่แอบอ้างตัวเองว่ามีอุดมการณ์สูง เป็นกลุ่มหัวก้าวหน้าของประเทศ ผู้ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น ฟังดูยิ่งหดหู่ และไม่อยากคิดถึง หากคนพวกนี้ได้เป็นใหญ่เป็นโตทางการเมือง แล้วจะเกิดอะไรขึ้น!?