ศาล รธน. นัดวินิจฉัยปม “โตโต้” ร้อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามชุมนุมมั่วสุม ขัด รธน.หรือไม่ 1 มิ.ย.นี้ พร้อมจำหน่ายคดี แย้งประกาศ-คำสั่ง คสช.คุมสื่อ ชี้ ถูกยกเลิกแล้ว-ไม่มีผลบังคับใช้
วันนี้ (11 พ.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญมีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคดีที่ศาลแขวงดุสิตส่งคำโต้แย้งของ นายปิยะณัฐ หรือ โตโต้ จงเทพ อดีตหัวหน้ากลุ่มการ์ดวีโว่ ในคดีหมายเลขดำที่ อ.176 2/2563 ขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ว่า พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.มาตรา 9 และมาตรา 11 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการห้ามชุมนุมมั่วสุม ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 33 และมาตรา 26 หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงไม่ทำการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดประเด็นพิจารณาวินิจฉัยว่าการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9(2) และมาตรา 11(6) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 หรือไม่โดยกำหนดนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือและลงมติวันพุธที่ 1 มิ.ย.เวลา 09.30 น.
นอกจากศาลรัฐธรรมนูญยังได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีที่ศาลปกครองกลาง ส่งคำโต้แย้งของมูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ในคดีหมายเลขดำที่ 63/2560 ที่ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 วรรคหนึ่ง ว่า ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97/2557 ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 103/2557 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 41/2559 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3, 4, 5, 26, 27, 34 และ มาตรา 35 หรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97/2557 และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 103/2557 ถูกยกเลิกโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 9/2562 แล้ว ไม่มีผลใช้บังคับต่อไป ส่วนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 41/2559 ข้อ 1 ที่กำหนดให้การนำเสนอข้อมูลข่าวสารหรือการออกรายการที่มีเนื้อหาสาระตามข้อ 3 (1) ถึง (7) ของประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97/2557 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 103/2557 เป็นการออกอากาศที่มีเนื้อหาสาระตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 (ห้ามมิให้ออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจาร หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรงฯ) นั้น เมื่อประกาศทั้งสองฉบับดังกล่าวข้างต้นถูกยกเลิกไปแล้ว คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 41/2559 ข้อ 1 ย่อมไม่มีผลใช้บังคับต่อไปด้วย จึงเป็นกรณีไม่มีเหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัยคดีนี้ต่อไป จึงมีคำสั่งจำหน่ายคดี