“สติธร” ชี้ เลือกตั้ง กทม.แข่งขันสูง เชื่องัดวิชามารสารพัด ตั้งแต่ซื้อเสียง-ใส่ร้ายป้ายสี ไปจนถึงการจัดเลือกตั้งที่ไม่ชอบมาพากล แนะสร้างการมีส่วนร่วม ปชช.ตรวจสอบการทุจริต
วันนี้ (6 พ.ค.) นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ให้สัมภาษณ์ถึงติดตามการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.ห่างหายไปนานเกือบ 10 ปี ประกอบกับเป็นห้วงที่ใกล้จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในอีกไม่ถึงปี ส่งผลให้การเลือกตั้งในสนาม กทม.ครั้งนี้ มีการแข่งขันค่อนข้างสูง และอาจก่อให้เกิดพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมายเพื่อชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งมากกว่าปกติ ตั้งแต่การไปให้ประโยชน์กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าจะในรูปแบบการซื้อเสียงหรือสัญญาว่าจะให้ รวมถึงการกระทำต่อคู่แข่ง เช่น การใส่ร้ายป้ายสี ตลอดจนต้องติดตามด้วยว่า การดำเนินการจัดการเลือกตั้งมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่ ทั้งการจัดการเลือกตั้งที่สะดวกพอหรือไม่ และการนับคะแนนวินิจฉัยบัตรเสียถูกต้องหรือไม่ บวกคะแนนที่นับเป็นตามจริงหรือไม่
“สิ่งที่ว่ามาเหล่านี้ผู้สมัครเองต้องปกป้องผลประโยชน์ตัวเองโดยการตั้งผู้เฝ้าระวังถ้ามีเบาะแสต้องแจ้งช่องทางที่เป็นทางการ ประชาชนเองก็ต้องเฝ้าระวังให้การนับคะแนนเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ เพื่อรักษาสิทธิของตัวเอง” นายสติธร ระบุ
นายสติธร กล่าวต่อว่า เท่าที่ติดตามเห็นว่ามีสื่อมวลชนหลายสำนักที่ร่วมมือกันเป็นเครือข่ายในการรายงานผลการเลือกตั้ง โดยเชิญชวนประชาชนเป็นอาสาสมัคร ถือเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ดี และทำให้ผู้ที่คิดจะทำอะไรไม่ถูกต้องอาจจะไม่กล้าทำ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การมีส่วนร่วมของประชาชน หากประชาชนแข็งขัน ใครที่คิดเล่นไม่ถูกกติกาจะต้องระวัง เพราะรู้ว่าประชาชนมีส่วนร่วมกับการตรวจสอบ
“สุดท้ายเมื่อประชาชนแสดงพลังออกมาแล้วการบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัดต้องควบคู่กันไปทั้งสองส่วนนี้จะป้องปรามการทุจริตเลือกตั้งครั้งนี้ได้” นายสติธร กล่าว