วันนี้(4 พ.ค.)น.ส.ศศิกานต์วัฒนะจันทร์หรือจิ๊บผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.เบอร์ 16ขึ้นกล่าวบนเวทีเปิดแนวคิดผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกับนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนหัวข้อ “กรุงเทพฯเมืองที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”โดยเธอเปิดตัวด้วยการใช้ภาษามือเพื่อสื่อสารกับผู้พิการทางการได้ยินซึ่งถือเป็นผู้สมัครรายเดียวที่ใช้ภาษามือโดยน.ส.ศศิกานต์ระบุว่าเมื่อสักครู่ท่านอาจจะไม่ได้ยินเสียงอะไรแต่ตนเชื่อว่าเสียงนี้จะดังอยู่ในใจของคนหลายๆคนในกทม.
สิทธิมนุษยชนคือสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนพึ่งจะมีไม่ว่าจะอายุเพศหรือฐานะอะไรทุกคนควรจะมีเท่าเทียมกันและความปลอดภัยก็คือสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนควรพึงมีเท่ากันกาศชื่อไม่ว่าคนกรุงเทพฯยังต้องหวาดระแวงกับความปลอดภัยต่างๆไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิตหรือทรัพย์สินคุณภาพชีวิตหรือแม้กระทั่งอนาคตของลูกหลานของเรา
น.ส.ศศิกานต์กล่าวต่อว่าปัญหาคนเร่ร่อนในพื้นที่กทม.ที่ตนได้ลงพื้นที่ไปศึกษาพบว่ามีสูงถึง 4,500รายซึ่งพวกเขาก็มีสิทธิมนุษยชนเช่นกันสิ่งที่เราจะทำคือการสร้างพื้นที่การนอนห้องน้ำให้เขาและยอมรับในตัวตนว่าเขามีอยู่จริงเราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
จากสถิติเดือนตุลาคม 2563ถึงสิงหาคม 2564เราพบว่าอาชญากรรมทางด้านทรัพย์สินมีมากถึง 46,000รายอาชญากรรมทางด้านร่างกายรวมถึงการละเมิดทางเพศมีสูงถึง 16,000รายกรุงเทพฯเป็นเมืองที่ปลอดภัยจริงหรือเราจะชินกับเรื่องแบบนี้จริงๆหรือและนี่คือที่มาของนโยบายกรุงเทพฯต้องปลอดภัยสำหรับทุกคน
"ดิฉันแบ่งนโยบายเป็นสามระยะคือระยะสั้นระยะกลางและระยะยาวระยะสั้นคือความปลอดภัยทางด้านชีวิตทรัพย์สินและสุขภาพแปลว่ากล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร 64,000ตัวจะต้องใช้ได้ทุกกล้องเราจะจัดตั้งศูนย์command centerที่เวลาเกิดเหตุแล้วสามารถมาที่ศูนย์นี้ได้และจะเรียกดูข้อมูลจากศูนย์นี้ได้อย่างทันท่วงทีโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปติดต่อส.น.หรือสำนักงานเขตแล้วรออีกสามวันถึงจะได้ภาพจากกล้องวงจรปิดอันนี้ถือว่าช้าเกินไปศูนย์ commandจะทำให้กล้องทุกตัวใช้ได้
นอกจากนี้เราจะจัดตั้งศูนย์ระวังในชุมชนเพราะกล้องวงจรปิดที่ดีที่สุดก็คือเพื่อนบ้านทุกคนในชุมชนจะช่วยกันนอกจากนี้เราต้องปรับพื้นที่ในกทม.ที่ไม่ได้ใช้สอยและเป็นพื้นที่เสี่ยงเราต้องเข้าไปติดตั้งไฟเพื่อทำให้พื้นที่เหล่านี้ปลอดภัยจะถูกนำมาปรับเป็นที่อยู่อาศัยหลับนอนของคนเร่ร่อนไร้บ้าน "
น.ส.ศศิกานต์ยังกล่าวต่อว่าระยะที่ 2คือความปลอดภัยด้านคุณภาพชีวิตนโยบายฝุ่น pm 2.5เราจะแก้ไขด้วยทุกวิธีจัดโซนนิ่งรถที่ทำให้เกิดฝุ่นเราต้องแก้ที่สาเหตุการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกทม.ต้องมีรวมไปถึงรถสาธารณะจะต้องเปลี่ยนมาใช้รถ evเพื่อลดมลพิษสุดท้ายระยะยาวการสร้างอนาคตด้วยการศึกษาเรามีนโนบาย ”การศึกษาศูนย์บาท”ที่เราทำขึ้นเพื่อวางรากฐานการพัฒนาด้านทักษะและความรู้ให้กับเยาวชนทั่วทั้งกรุงเทพมหานครโดยเด็กจะสามารถเข้าถึงประสบการณ์เรียนรู้ที่แปลกใหม่และมีราคาแพงอย่าง Metaverseจะต้องเปิดให้ทุกคนเข้าถึงได้ “ฟรี”เพราะต้องยอมรับว่าโรงเรียนในสังกัดกทม.ที่มีไม่ถึง 100แห่งเด็กที่มาอยู่มนโรงเรียนเหล่านี้จะมีความสามารถและโอกาสค่อนข้างน้อย