ส.ส.ปชป. หนุนเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำแบบขั้นบันได แต่ไม่ใช่ก้าวกระโดด 492 บาท ชี้บทเรียนหาเสียงด้วยนโยบายขายฝัน ชี้ทำไม่ได้ก็เยียวยาด้วยวิธีอื่น
วันนี้ (1 พ.ค.) นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกมธ.การเงิน การคลัง สถาบันการเงินเเละตลาดการเงิน สภาฯ กล่าวถึงกรณีเครือข่ายเเรงงาน นำโดย คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) จัดกิจกรรม “วันกรรมกรสากล 2565-May Day 2022” เดินทางไปที่ทำเนียบฯ ยื่นข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลให้ทำตามสัญญาที่หาเสียงช่วงเลือกตั้งไว้ ว่า ก่อนหน้านี้ ตนมองเนื้อหา จดหมายเปิดผนึก ที่เสนอให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เพิ่มเป็นวันละ 492 บาท ในอัตราเท่ากันทั้งประเทศ นั้นก็เข้าใจเเละเห็นใจพี่น้องแรงงาน แต่ในความเป็นจริงการปรับขึ้นต้องชั่งน้ำหนัก ระหว่างความต้องการของทั้งลูกจ้าง และนายจ้าง ที่เจอภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาโควิด-19 เล่นงานอย่างสาหัส น่าเห็นใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถ้าแก้ผิดจุดจะกลายเป็น วิกฤติซ้อนวิกฤติ แก้ปัญหาหนึ่งแต่สร้างอีกปัญหาหนึ่ง โดยถ้าไม่ปรับขึ้นค่าเเรงใดๆเลย ผู้ใช้เเรงงานคงอยู่ลำบาก จากการปรับตัวขึ้นราคาของสินค้าที่แม้กระทรวงพาณิชย์จะพยายามช่วยให้กระทบน้อยที่สุด แต่จากตัวเลขผลสำรวจแรงงานไทย ช่วงเดือน เม.ย.นี้ ส่วนใหญ่มีหนี้สินเฉลี่ยกว่า 2 แสนบาท ต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 5.90% เทียบกับปีที่แล้ว สูงที่สุดในรอบ 14 ปี แต่หากยิ่งปรับค่าแรงขั้นต่ำสูงแบบก้าวกระโดดจาก 313-336 บาท ไป 492 บาท ราคาสินค้าที่สูงอยู่แล้วก็ต้องยิ่งเพิ่มสูงขึ้น เพราะต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น
นายอิสระ กล่าวว่า หากขึ้นแบบก้าวกระโดด รับรองว่า พี่น้องเเรงงาน ดีใจกันได้ไม่เกิน 1 เดือนแน่นอน นอกจากของทุกอย่างจะแพงขึ้นเป็นเงาตามตัว จะมีนายจ้างหลายราย ทยอยยกธงขาว ปิดกิจการ ปลดคน เกิดปัญหาลูกจ้างตกงานลามเป็นห่วงโซ่ มีบทเรียนราคาแพงเคยเกิดมาเเล้ว ในปี 2555 ตอนขึ้นค่าแรงก้าวกระโดดเป็น 300 บาท ทั้งนี้ ตนเห็นด้วย ที่ต้องมีการขึ้นค่าเเรง ณ เวลานี้ แต่ต้องชั่งน้ำหนักทุกมิติ กำหนดตัวเลขที่ทั้งฟากเเรงงาน และผู้ประกอบการรับได้ โดยควรปรับขึ้นตามสัดส่วนขั้นบันได มากกว่าการขึ้นพร้อมกันตัวเลขเดียวทั้งประเทศ อยากให้คณะกรรมการไตรภาคี พิจารณาให้รอบคอบด้วย ตนไม่อยากให้เกิดภาพที่ว่าพอใกล้วันเเรงงาน 1 พ.ค. ของทุกปี ก็ต้องออกมากระตุ้นกันที เพราะสัญญาจะขึ้นค่าเเรงไว้ตั้งแต่ตอนหาเสียง แต่พอได้เป็นรัฐบาล สัญญานั้นก็หายไปกับสายลม นี่คือเครื่องเตือนใจก่อนเข้าคูหา ว่าอย่าเลือกเพราะนโยบายขายฝัน ที่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าทำไม่ได้จริง
นายอิสระ กล่าวว่า ดังนั้น พรรคไหนเคยรับปากไว้แล้วตอนหาเสียง แต่ยังทำไม่ได้ ก็ควรต้องเร่งแก้ไขเยียวยาด้วยวิธีอื่น ทั้งในภาคอุตสาหกรรม คือ การเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยหาทางลดต้นทุน ตัวอย่างเช่น เร่งแก้ไขปัญหาตู้คอนเทนเนอร์เรือขนส่งขาดแคลน ที่ส่งผลทำให้ค่าเฟรทสูง ซึ่งกระทบต่อการนำเข้าวัตถุดิบและการส่งออกสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว รวมถึงภาคท่องเที่ยว ที่เราจะเปิดประเทศ 1 พ.ค. นี้ ต้องควบคุมและบริหารจัดการการแพร่ระบาดของโควิด-19 แบบเบ็ดเสร็จทุกท้องที่อย่างเร่งด่วนและมีประสิทธิภาพ ไม่เช่นนั้น ก็จะล้มกันหมดทั้งแรงงานและผู้ประกอบการ