รมว.สธ. โพสต์ชื่นชม “แรงงานไทย” เป็นกระดูกสันหลังเศรษฐกิจ ยก “Service Mind” จุดแข็ง ผนวกความแกร่งด้านระบบสาธารณสุข พาชาติไปโลด
วันนี้ (1 พ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เนื่องในวันแรงงาน ระบุว่า
“ในฐานะนักบิน คำว่า “May Day” จะถูกใช้เพื่อขอความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่สำหรับวันนี้ คำว่า “May Day” มีความหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เพราะเป็นวันที่พี่น้องแรงงานไทย จะได้รำลึกถึงพลังและศักดิ์ศรีของพวกท่าน รวมถึงการยกย่องเชิดชูและแสดงมุทิตาจิตต่อผู้ที่ได้ทำการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิในนามผู้ใช้แรงงานเพื่อปกป้อง พิทักษ์ประโยชน์และสวัสดิภาพของเหล่าผู้ใช้แรงงานทุกคนตราบจนถึงปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์ที่ควรจดจำ คือ การเคลื่อนไหวเพื่อการทำงานแปดชั่วโมงต่อวัน (eight-hour day movement) ซึ่งได้กลายเป็นมาตรฐานและเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียกร้องปกป้องสิทธิแรงงานในด้านอื่นๆ มาอย่างต่อเนื่อง และการสร้างคุณค่าและการเชิดชูศักดิ์ศรีของผู้ใช้แรงงาน ทำให้รัฐต้องเปลี่ยนชื่อวันนี้จาก “วันกรรมกร” เป็น “วันแรงงานแห่งชาติ” และไ้ด้ทำการสถาปนา กระทรวงแรงงาน ขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดูแลสนับสนุนสิทธิและประโยชน์ของพี่น้องแรงงานไทย จากเดิมซึ่งมีสถานภาพเป็นเพียงกรมแรงงาน ภายใต้กระทรวงมหาดไทย
แรงงานถือเป็นกระดูกสันหลังของการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี เป็น “วันแรงงานแห่งชาติ” และก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่พี่น้องผู้ใช้แรงงานจะได้ส่งเสียงย้ำเตือนถึงความสำคัญและข้อเรียกร้องเพื่อคุณภาพชีวิตและสวัสดิการที่ดีขึ้นของผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นเสียงสำคัญยิ่งที่ผู้บริหารประเทศจะต้องรับฟัง
ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานด้านสาธารณสุข ด้านคมนาคม ตลอดจนด้านกีฬา และการท่องเที่ยว ซึ่งล้วนมีความเกี่ยวข้องต่อคุณภาพชีวิตและสวัสดิภาพที่ดีขึ้นของพี่น้องแรงงานไทยทุกคน ผมมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับพื้นฐานคุณภาพชีวิตของพี่น้องแรงงานไทยซึ่งส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดที่ต่อเนื่องมากว่าสองปี
แต่ผมขอให้ความมั่นใจต่อพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคน ว่า เรากำลังจะก้าวข้ามสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปด้วยกันแล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการอย่างสุดความสามารถเพื่อทำให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนสถานะโรคระบาดโควิด-19 ให้เป็นโรคประจำถิ่น หรือ Endemic ซึ่งจะยังผลให้ผู้ประกอบการและสภาพเศรษฐกิจได้พลิกฟื้นกลับมาเฟื่องฟูอย่างเต็มที่ด้วยศักยภาพและความพร้อมของพวกท่านและโอกาสทางธุรกิจที่จะมีมากขึ้นกว่าเดิม
ประเทศไทยของเราได้รับความเชื่อถือและยกย่องจากนานาประเทศ ว่า เราเป็นต้นแบบในการบริหารสถานการณ์โควิด และได้รับการยอมรับว่ามีความมั่นคงทางสาธารณสุขเป็นลำดับต้นๆของโลก ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้รวมกับต้นทุนทางศักยภาพและวัฒนธรรมแห่งจิตใจบริการ หรือ Service mind ที่แรงงานไทยมีอยู่อย่างโดดเด่น เน้นความเป็น SOFT POWER จะทำให้ไทยกลายเป็นประเทศที่ฟื้นตัวและก้าวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วอีกครั้ง
ความเชื่อมั่นของทั้งโลกต่อประเทศไทยจะมีส่วนเสริมสร้างความมั่นคงต่อการประกอบกิจการทุกแขนงและเป็นการต่อยอดโอกาสในกิจการด้านอื่นๆนอกเหนือจากอุตสาหกรรมการผลิตสินค้า การเกษตร การก่อสร้าง ธุรกิจสตาร์ทอัพ ธุรกิจด้านโลจิสติค อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ ที่เราเคยมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และจากการถึงพร้อมด้วยระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของการคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ
ประเทศไทยของเราจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคนี้ และจะเป็นจุดหมายปลายทางของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการจัดประชุมและนิทรรศการ (MICE) เป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาลที่ผู้คนทั่วโลกจะมาขอรับบริการด้านสุขภาพอย่างครบวงจรหรือที่เรียกว่า Medical Hub สร้างโอกาส สร้างงานและสร้างรายได้ให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงานได้อีกมากมาย ซึ่งหน่วยงานทุกแห่งในการกำกับดูแลของผมได้รับนโยบายไปปฎิบัติเพื่อให้เกิดความพร้อมในทุกๆ ด้านและดำเนินการได้ทันที
ผมขอส่งความปรารถนาดีมายังพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกท่าน และขอร่วมส่งเสียงสนับสนุนนายจ้างให้ได้ช่วยกันส่งเสริมสวัสดิภาพของลูกจ้าง ทั้งทางสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขภาวะทางเศรษฐกิจ โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เรากำลังจะผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปด้วยกัน
#ฟ้าหลังฝนมีความสดใสอยู่เสมอครับ”
โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น
“แรงงานสร้างชาติครับ”
“ท่านเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนทำงาน สู้ๆ ครับ ขอเป็น 1 เสียงที่ยังสนับสนุนท่านนะครับ”
“สู้ๆ เป็นกำลังใจ ให้คนทำงาน”