“ไพบูลย์” ชี้ สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 ไม่ได้ ขัด รธน.- ข้อบังคับรัฐสภา หากลงมติขอค้านเต็มที่ เหตุทำลายเจตนารมณ์ มั่นใจเสียงส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.45 น. ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ. กล่าวถึงเรื่องการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า จากที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการเสนอให้หารด้วย 500 หรือหารด้วย 100 นั้น หากหารด้วย 100 ก็จะเป็นไปตามร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ. ทั้ง 4 ร่างที่รับหลักการมา แต่หากหารด้วย 500 ก็จะเป็นการเสนอในที่ประชุมกมธ.วิสามัญฯ ทั้งนี้ ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่.. พ.ศ...นั้น หากหารด้วย 500 ตนมองว่า ขัดกับรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน เพราะปรากฏหลักการในการพิจารณาในที่ประชุมที่มีรายงานการประชุมละเอียดมากพูดถึงเรื่องการหาร 100 และไม่เห็นด้วยกับการหาร 500 ซึ่งนี้คือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ นอกจากจะขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้วหากหารด้วย 500 ก็ยังขัดต่อข้อบังคับการประชุมรัฐสภาด้วย เพราะกมธ.วิสามัญฯจะแก้ไขให้ขัดกับหลักการที่รับมาไม่ได้
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่จะให้จำนวน 500 มาเฉลี่ยก็จะทำให้ทำลายเจตนารมณ์ของประชาชนที่ออกเสียงลงคะแนนในบัตรบัญชีรายชื่อ ในเมื่อประชาชนออกเสียงมาให้พรรคนี้ได้ ส.ส.จำนวนเท่านี้ แล้วทำไมต้องไปทำลายเจตนารมณ์โดยใช้ 500 หาร ในฐานะที่ตนสังกัดพรรคพลังประชารัฐ หากไปใช้ 500 หารทางพรรคพลังประชารัฐก็จะเสียหาย จึงเป็นเหตุให้ตนในฐานะ กมธ.วิสามัญที่มาในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐไม่สามารถที่จะเห็นชอบ หรือต้องคัดค้านการเสนอหารด้วย 500 ที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ดังนั้น เชื่อว่า จะมีการลงมติเกิดขึ้นในวันที่ 11 พ.ค. ตนเชื่อว่า ส.ส.และ ส.ว.ส่วนใหญ่จะไม่ทำอะไรที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ อีกทั้งคงไม่เห็นด้วยกับการนำ 500 มาหาร แต่หากที่ประชุมกมธ.วิสามัญฯ และรัฐสภาเห็นชอบให้ใช้ 500 หาร ตนก็ขอสงวนสิทธิ์เพื่อไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า มีคนเสนอให้ใช้เอาคะแนนบัญชีรายชื่อมารวมกับคะแนนแบบบ่งเขตแล้วนำมาหารกับจำนวน ส.ส.ทั้งสภา เพื่อให้มาได้ซึ่งจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตรงนี้ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตรงนี้ยิ่งเลอะเทอะเข้าไปใหญ่ ต้องไปดูรัฐธรรมนูญมาตรา 93 ที่เป็นที่มาของสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชือ ว่า ในร่างเดิมเขียนไว้ว่าต้องหารด้วย 500 และเราได้ยกเลิกไปแล้ว และได้มีการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขขึ้นมาใหม่แล้ว เรายังจะไปเอา 500 หารหรือเอาคะแนนทั้งบัญชีรายชื่อ และส.ส.เขตมารวมกันแล้วหารก็คิดกันไปแบบนักการเมือง โดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย มันไม่มีความเป็นไปได้เลย
เมื่อถามต่อว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ผ่านมาและการแก้ไขลูกกฎหมายครั้งนี้ สามารถกำหนด ส.ส.พึงมี เพื่อให้ได้กลับไปเป็นระบบจัดสรรปันส่วนผสมได้หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญใหม่ด้วยการเริ่มจากกระบวนการเข้าชื่อกัน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ทันอยู่แล้ว และก็ไม่มีใครเอาด้วย เนื่องจากต้องรวบรวมรายชื่อส.ส.เกือบ 100 คน เมื่อถามอีกว่า การแก้กฎหมายลูกครั้งนี้ต้องกลับไปล้อระบบเลือกตั้งเหมือนปี 40 และปี 54 หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า “ไม่เชิงครับ หลายเรื่องก็ไม่ตรงกัน เช่นเรื่องการนับคะแนน เรื่องการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่หารด้วย 100 ก็ไม่มีเพดานไว้ คือ พรรคที่ มีส .ส.ไม่ถึงจำนวนเต็มตามร่างของคณะรัฐมนตรีก็ยังมีสิทธิ์ถ้าเศษเหลือมากก็ยังมีสิทธิ์ที่จะได้เป็นส.ส.ด้วย ซึ่งแตกต่างจากปี 54 และผมเชื่อว่าประเด็นนี้จะยุติด้วยการใช้ 1 00 หารอยู่แล้ว ส่วนหารด้วย 500 เป็นความต้องการของกลุ่มการเมืองที่เป็นนักการเมืองด้วยกันที่อยากได้แบบนั้น แต่มันจบไปตั้งแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว”